“ตาปู่บ้าน” วัฒนธรรม ความเชื่อ และการจัดการศรัทธาของชุมชน
บทคัดย่อ
บทความวิชาการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและวิเคราะห์วัฒนธรรม ความเชื่อ และการจัดการศรัทธาเกี่ยวกับ “ตาปู่บ้าน” ในชุมชน โดยรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ ทั้งบทความวิชาการ รายงานการวิจัย และข้อมูลจากแหล่งออนไลน์ ผลการศึกษาพบว่า “ตาปู่บ้าน” เป็นศูนย์รวมจิตใจและเป็นวิญญาณบรรพบุรุษผู้พิทักษ์ชุมชน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานทางจริยธรรมและระเบียบวินัยของคนในหมู่บ้าน การจัดการศรัทธาต่อ “ตาปู่บ้าน” แสดงออกผ่านพิธีกรรมต่าง ๆ เช่น การสร้างศาลปู่ตา พิธีบวงสรวงและเลี้ยงปู่ตาประจำปี การบนบานศาลกล่าว และการแก้บน รวมถึงบทบาทของ “เฒ่าจ้ำ” ในฐานะสื่อกลางในการติดต่อสื่อสารกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนี้ ความเชื่อเรื่อง “ตาปู่บ้าน” ยังมีการผสมผสานและปรับตัวเข้ากับความเชื่ออื่น ๆ เช่น ศาสนาพราหมณ์และพระพุทธศาสนา แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นของระบบความเชื่อในชุมชนที่สามารถรับเอาแนวคิดจากภายนอกเข้ามาปรับใช้ได้ โดยยังคงรักษาแก่นของความเชื่อดั้งเดิมไว้ การจัดการศรัทธาเหล่านี้มีส่วนสำคัญในการสร้างความผาสุกและความมั่นคงให้กับชีวิตของคนในชุมชน
เอกสารอ้างอิง
งามพิศ สัตย์สงวน. (2543). หลักมานุษยวิทยาวัฒนธรรม (พิมพ์ครั้งที่ 4). กรุงเทพฯ: รามาการพิมพ์.
จีราภรณ์ จันทร์โฉม, สุวิน ทองปั้น, จรัส ลีกา และ อัจฉริยะ วงษ์คคำขาว. (2562). แนวคิดผีฟ้าในเชิงปรัชญาของชุมชนบ้านนาเสียว ตำบลนาเสียว อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ. วารสารบัณฑิตศึกษามหาจุฬาขอนแก่น, 6(4), 329-332.
ชยันต์ วรรธนะภูติ, & ฉันทนา บรรพศิริโชติ. (บรรณาธิการ). (2541). ระบบความรู้พื้นบ้านปัจจุบัน: การวิจัยและพัฒนา. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ชารีฟ ตอเล็บ. (2561). จากความศรัทธาอันแรงกล้าสู่แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรมนามธรรม. (วิทยานิพนธ์ปริญญารปริญญาศิลปกรรมศาสตรมหาบัณฑิต, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย).
เสกสรร ท้าวทุมมา. (2565). การจัดการชุมชนเข้มแข็งด้านการท่องเที่ยวด้วยกระบวนการประชาสังคมในจังหวัดแม่ฮ่องสอน. (รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์). มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่, สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.).
ธวัช ปุณโณทก. (2528). ความเชื่อ. ใน สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคอีสาน (เล่ม 1). กรุงเทพฯ: มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์.
ประเวศ วะสี. (2559). ความสำคัญของชุมชนและประชาสังคมในการสร้างเสริมสุขภาพชุมชน. สืบค้นจาก https://www.csdi.or.th/
พรพรหม ทิพยมนตรี. (2565). เหตุผลของความเชื่อในสังคมไทย: ร่องรอยจากจารึกสุโขทัย. Mahachula Academic Journal,9(2), 141-153.
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต). (2551). พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม. กรุงเทพฯ: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พัฒน์ วัฒนสินธุ. (2568). ศึกษาวัฒนธรรมตามแนวทางวัฒนธรรมศึกษา. วารสารมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์
และนวัตกรรม มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์, 4(2), 93-102.
ไพศาล เต็งหิรัญ. (2563). ความหมายและความสำคัญของชูรอในอิสลาม. วารสารมหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยีอีสเทิร์น, 17(1), 1-12.
มนตรี หลินภู และพระฟูตระกูล พุทธรักขิโต (หลินภู). (2566). ศรัทธา 4 กับการพัฒนาจิตวิญญาณความเป็นครู : นิยามองค์ประกอบ และการประยุกต์ใช้. วารสารครุศาสตร์ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร, 7(14).
วิราวรรณ สมพงษ์เจริญ. (2550). คติความเชื่อของคนไทยสมัยสุโขทัย พ.ศ. 1726 - พ.ศ. 2006. (วิทยานิพนธ์ปริญญาอักษรศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยศิลปากร).
ราชบัณฑิตยสถาน. (2554). พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554. กรุงเทพฯ: นานมีบุ๊คส์.
ลัญจกร นิลกาญจน์. (2561). วัฒนธรรมความเชื่อ กับการจัดการศรัทธาของชุมชน. วารสารนาคบุตรปริทรรศน์, 10(2), 11-20.
ศิลป์ชัย เชาว์เจริญรัตน์. (2558). ศาสนาบรรพกาล (Primitive religion). สืบค้นจาก https://sinchaichao.blogspot.com/2015/06/blog-post_73.html
สุพรต บุญอ่อน และธีรพันธ์ เชิญรัมย์. (2567). ความเชื่อในสังคมไทย. บัณฑิตศึกษาปริทรรศน์ วิทยาลัยสงฆ์นครสวรรค์, 12(3) 109-119.
อาณาจักรล้านช้าง. (2563, 15 กันยายน). ตาปู่ เป็นผีประจำหมู่บ้านที่ชาวบ้านเคารพนับถือ. สืบค้นจาก
https://www.facebook.com/media/set/?vanity=100064273050342&set=a.704033691749060
อุทัย ปริญญาสุทินันท์. (2558). การจัดการชุมชน: มโนทัศน์และทฤษฎีที่จำเป็นต้องทบทวน. วารสารการจัดการสมัยใหม่, 13(2), 11-22.