การศึกษาการทำงานเป็นทีมของครูในสถานศึกษา สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดเลย

ผู้แต่ง

  • นิภาพร โฮมประเสริฐ สาขาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย
  • บุญช่วย ศิริเกษ สาขาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

คำสำคัญ:

การทำงานเป็นทีม, องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1.เพื่อศึกษาระดับการทำงานเป็นทีมของครูในสถานศึกษาสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดเลย 2. เพื่อเปรียบเทียบระดับการทำงานเป็นทีมของครูในสถานศึกษา สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดเลย โดยจําแนกตามตำแหน่งหน้าที่ วุฒิการศึกษา ประสบการณ์ในการทำงาน 3. เพื่อพัฒนาแนวทางการทำงานเป็นทีมของครูในสถานศึกษาสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดเลย กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 32 คน และครูผู้สอน จำนวน 262 คน รวมเป็น 294 คน การกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตารางเทียบกลุ่มตัวอย่างของเครจซี่และมอร์แกน และใช้การสุ่มแบบแบ่งชั้นตามสัดส่วน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 8 ด้าน 52 ข้อ ได้ค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.729 - 0.949 และมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.930 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที  ค่าเอฟ การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว ทำการทดสอบด้วยสถิติทดสอบเอฟ และตรวจสอบความแตกต่างเป็นรายคู่โดยวิธีการตรวจสอบความแตกต่างของเชฟเฟ่

ผลการวิจัยพบว่า

  1. ผลการศึกษาระดับการทำงานเป็นทีมของครูในสถานศึกษาสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดเลย พบว่า ระดับพฤติกรรมเกี่ยวกับการทำงานเป็นทีม โดยรวมอยู่ในระดับมาก ( = 4.03) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D = 0.31) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า โดยรวมอยู่ในระดับมากทุกข้อ เรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับแรก ได้แก่ ด้านการกำหนดเป้าหมาย อยู่ในระดับมาก ( = 4.35) ด้านความไว้วางใจอยู่ในระดับมาก ( = 4.23) ด้านการแสดงบทบาทผู้นำหรือผู้ตามที่เหมาะสม อยู่ในระดับมาก ( = 4.21) และด้านการมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี ในระดับน้อยที่สุด ( = 3.67)

2) ผลการเปรียบเทียบการทำงานเป็นทีมของครูในสถานศึกษาสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดเลย จำแนกตามตำแหน่งหน้าที่ พบว่า โดยรวมและรายด้านไม่แตกต่างกันอย่าง มีนัยสําคัญทางสถิติ การเปรียบเทียบตามวุฒิการศึกษา ก็พบว่า โดยรวมไม่แตกต่างกันเช่นกัน อย่างไรก็ตาม การเปรียบเทียบตามประสบการณ์ในการทำงาน พบว่าด้านการมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี ประสบการณ์ในการทำงานน้อยกว่า 5 ปี ระหว่าง 5 - 10 ปี และมากว่า 10 ปี แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยประสบการณ์ในการทำงานน้อยกว่า 5 ปี มีการทำงานเป็นทีมน้อยกว่าประสบการณ์ในการทำงานมากว่า 10 ปี  

3) ผลการพัฒนาแนวทางการทำงานเป็นทีมของครูในสถานศึกษาสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดเลย ประกอบด้วย 8 องค์ประกอบ 24 แนวทาง 1) การกำหนดเป้าหมาย 3 แนวทาง  2) การแสดงบทบาทผู้นำหรือผู้ตามที่เหมาะสม 3 แนวทาง 3) การให้ความร่วมมือและมีส่วนร่วม 3 แนวทาง 4) การสื่อสารเชิงสร้างสรรค์และสัมพันธภาพที่ดีภายนอก 3 แนวทาง 5) การสร้างบรรยากาศที่ดีภายในทีม 3 แนวทาง 6) การกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบ 3 แนวทาง 7) ความไว้วางใจ  3 แนวทาง  และ 8) การมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี 3 แนวทาง                              

References

นัฐธิดา วงษ์รอต. (2560). ความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบของการทำงานเป็นทีมกับการดำเนินงานวิชาการของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 5. ใน วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยบูรพา.

บุญชม ศรีสะอาด.(2556). การวิจัยเบื้องต้นฉบับปรับปรุงใหม่. (พิมพ์ครั้งที่ 9). กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น.

เปรมชัย ปิยะศิลป์. (2565). การพัฒนาแนวทางการทำงานเป็นทีมของครูในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 1. ใน วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.

พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545. (2545). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545. กรุงเทพฯ: สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี.

สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2561). ยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2561–2580 (พิมพ์ครั้งที่ 1, หน้า 1–13). สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ.

สุทัตตา ภักดีเรือง. (2566). การทำงานเป็นทีมของครูโรงเรียนบ้านคลองวาฬ. ใน ปริญญานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์.

สุนันทา เลาหนันทน์. (2549). จิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์การ. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แม็คกรอ-ฮิล.

อริศษรา อุ่มสิน. (2560). การศึกษาการทำงานเป็นทีมของครูผู้สอนในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 17. ใน วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี).

Shagholi, R. (2010). A study on value creation through trust, decision-making,

and teamwork in educational institutions.

Krejcie, R. V., & Morgan, D. W. (1970). การกำหนดขนาดตัวอย่างสำหรับการวิจัย. Educational and Psychological Measurement, 30 (3), 607–610.

Downloads

เผยแพร่แล้ว

2025-07-28