การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวรรณคดีไทย เรื่องมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ระหว่างวิธีการสอนแบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD กับวิธีการสอนปกติ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ สุราษฎร์ธานี
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาโดยการจัดการเรียนรู้แบบไตรสิกขา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/4 โดยวัตถุประสงค์คือ 1) เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา โดยการจัดการเรียนรู้แบบไตรสิกขา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/4
2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา โดยการจัดการเรียนรู้แบบไตรสิกขา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/4 ก่อนเรียนและหลังเรียน
3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา โดยการจัดการเรียนรู้แบบไตรสิกขา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/4 กลุ่มเป้าหมาย คือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/4 จำนวน 45 คน โรงเรียนน้ำพองศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาขอนแก่น เครื่องมือในการวิจัยประกอบด้วย 1) แผนการจัดกิจกรรมการจัดการเรียนแบบไตรสิกขา เรื่อง หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/4 จำนวน 10 แผน แผนละ 1 ชั่วโมง 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา โดยการจัดการเรียนแบบไตรสิกขา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/4 แบบเลือกตอบ ชนิด 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ โดยใช้เป็นแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน 3) แบบวัดความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ t-test และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า 1. การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/4 เรื่อง หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาผลการวิจัยพบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา โดยการจัดการเรียนรู้แบบไตรสิกขา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/4 จำนวน 45 คน คะแนนก่อนเรียนได้คะแนนเฉลี่ย 9.86 คะแนนหลังเรียนได้คะแนนเฉลี่ย 22.82 เมื่อทดสอบความแตกต่างระหวางค่าเฉลี่ยหลังเรียนและค่าเฉลี่ยก่อนเรียน พบว่าค่าเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าค่าเฉลี่ยก่อนเรียน อยางมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2. ผลการศึกษาความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้แบบไตรสิกขา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/4 พบว่า ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้แบบไตรสิกขา พบว่านักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/4 ภาพรวมมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้แบบไตรสิกขา ในระดับมากที่สุด (μ = 4.51, σ = 0.57)
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาโดยการจัดการเรียนรู้แบบไตรสิกขา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/4 โดยวัตถุประสงค์คือ 1) เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา โดยการจัดการเรียนรู้แบบไตรสิกขา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/4
2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา โดยการจัดการเรียนรู้แบบไตรสิกขา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/4 ก่อนเรียนและหลังเรียน
3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา โดยการจัดการเรียนรู้แบบไตรสิกขา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/4 กลุ่มเป้าหมาย คือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/4 จำนวน 45 คน โรงเรียนน้ำพองศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาขอนแก่น เครื่องมือในการวิจัยประกอบด้วย 1) แผนการจัดกิจกรรมการจัดการเรียนแบบไตรสิกขา เรื่อง หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/4 จำนวน 10 แผน แผนละ 1 ชั่วโมง 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา โดยการจัดการเรียนแบบไตรสิกขา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/4 แบบเลือกตอบ ชนิด 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ โดยใช้เป็นแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน 3) แบบวัดความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ t-test และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า 1. การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/4 เรื่อง หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาผลการวิจัยพบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา โดยการจัดการเรียนรู้แบบไตรสิกขา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/4 จำนวน 45 คน คะแนนก่อนเรียนได้คะแนนเฉลี่ย 9.86 คะแนนหลังเรียนได้คะแนนเฉลี่ย 22.82 เมื่อทดสอบความแตกต่างระหวางค่าเฉลี่ยหลังเรียนและค่าเฉลี่ยก่อนเรียน พบว่าค่าเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าค่าเฉลี่ยก่อนเรียน อยางมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2. ผลการศึกษาความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้แบบไตรสิกขา ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/4