การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวทางสะตีมศึกษา เพื่อส่งเสริมความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงานทางศิลปะของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 1
คำสำคัญ:
กิจกรรมการเรียนรู้ศิลปะ, สะตีมศึกษา, ผลงานสร้างสรรค์บทคัดย่อ
บทความวิจัยเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวทางสะตีมศึกษา เพื่อส่งเสริมความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงานทางศิลปะของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 1 2) ทดลองใช้กิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวทางสะตีมศึกษา เพื่อส่งเสริมความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงานทางศิลปะของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 1 3) ศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนที่เรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวทางสะตีมศึกษา การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยทดลองขั้นต้น (Pre-Experimental Research) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนสาธิต “พิบูลบำเพ็ญ” มหาวิทยาลัยบูรพา ที่กำลังเรียนวิชาเลือกศิลปะ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 30 คน ซึ่งได้มาด้วยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือการวิจัย คือ 1) กิจกรรมการเรียนรู้ศิลปะตามแนวทางสะตีมศึกษา 2) แบบประเมินผลงานสร้างสรรค์ และ 3) แบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวทางสะตีมศึกษา วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงบรรยายและวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) ผลการวิจัย พบว่า 1) กิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวทางสะตีมศึกษา เพื่อส่งเสริมความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงานทางศิลปะของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่าง 0.80-1.00 2) การทดลองใช้กิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวทางสะตีมศึกษา เพื่อส่งเสริมความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงานทางศิลปะ มีผลดังนี้ 2.1) เปรียบเทียบคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 1 ก่อนและหลังเรียน พบว่า เมื่อทดสอบสถิติ t = 18.115, Sig = .00 คะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 1 แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .05 2.2) ผลคะแนนเฉลี่ยในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะของนักเรียนหลังการทดลอง พบว่า นักเรียนมีค่าเฉลี่ยในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะโดยรวมอยู่ในระดับมาก 3) ความคิดเห็นของนักเรียนที่เรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวทางสะตีมศึกษา เพื่อส่งเสริมความสามารถทางการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะในภาพรวมอยู่ในระดับมาก
References
ณัฐวรรณ เฉลิมสุข, กฤตย์ษุพัช สารนอก และ กิตติพร ชูเกียรติ. (2562). STEM EDUCATION กับการพัฒนาทักษะการคิดเชิงสร้างสรรค์ที่บูรณาการเครื่องมือทางปัญญาผ่านคลาว์ดคอมพิวติ้ง. การประชุมวิชาการนิทรรศการการเรียนการสอน ประจำปี 2562, 31 กรกฎาคม 2562 ณ มหาวิทยาลัยศรีปทุม กรุงเทพมหานคร : หน้า 49-66.
เดือนเพ็ญ ศักดิ์ศรีวัน และวิสูตร โพธิ์เงิน. (2563). การพัฒนากิจกรรมศิลปะ ตามแนวคิด สตีมศึกษา ร่วมกับการใช้แหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมผลงานสร้างสรรค์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3. วารสารศิลปากรศึกษาศาสตร์วิจัย, 12(2), 53-70.
ภาวินี เทียมดี, ปิยวรรณ พันสี และยุทธนา ชัยเจริญ. (2565). การจัดกิจกรรมการเรียนรู้บูรณาการ STEAM Education ที่มีผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ เรื่อง พลังงานและการเปลี่ยนรูปพลังงาน และความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้. วารสารศึกษาศาสตร์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร, 20(2), 293-306.
ภิญโญ วงษ์ทอง. (2562). ผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้บูรณาการ STEAM education ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4. วารสารหน่วยวิจัย วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อมเพื่อการเรียนรู้, 1(10), 94-110.
อณวัฒน์ เหมืองทอง และวิสูตร โพธิ์เงิน. (2023). การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ศิลปะการออกแบบผลิตภัณฑ์ โดยใช้กระบวนการคิดเชิงออกแบบเพื่อส่งเสริมความเป็นนวัตกรและผลงานสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4. เรียนรู้. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร. (21)1, 339-352.
Kim, Y., & Park, N. (2012). The effect of STEAM education on elementary school student’s creativity improvement, computer applications for security. Control and System Engineering, 399, 115-121.
Kim, Y., & Park, N. (2012). Development and application of STEAM teaching model based on the Rube Gddbery’s invention. Computer Science and its Applications Lecture Notes in Electrical Engineering, 203(1), 693-698.
Santrock, J. W. (2009). Psicologia educaciona. 3th ed. São Paulo, Brazil: McGraw-Hill.
Yakman, G. G. (2008). STEAM Education: An overview of creating a model of integrative education. Retrieved from http://www.iteaconnect.org/Conference/PATT/PATT19/Yakmanfinal19.pdf
