Ethics
จากการที่วารสารเป็นสื่อกลางในการติดต่อสื่อสารผลงานวิจัย ตลอดจน ข้อค้นพบใหม่ๆ ระหว่าง
นักวิจัย และสังคมภายนอก ดังนั้นเพื่อให้การสื่อสารทางวิชาการเป็นไปอย่างถูกต้อง มีคุณภาพ โปร่งใส และ
สอดคล้องกับมาตรฐานการตีพิมพ์นานาชาติ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน เช่น Committee on
Pubication Ethics (COPE) ตลอดจนสำนักพิมพ์ที่มีชื่อเสียง เช่น Elsevier จึงได้กำหนดแนวทาง วิธีปฏิบัติ
ที่ดี และจริยธรรมของการตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานวิจัยไว้สำหรับการดำเนินงานของวารสาร ทั้งนี้ วารสารแต่ละ
ชื่อเรื่อง ต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ รวมทั้งต้องมีนโยบายที่เกี่ยวข้องกับ Publication Ethics
ปรากฎอย่างชัดเจนในเว็บไซต์ของวารสาร เพื่อแจ้งให้ผู้เกี่ยวข้องได้ทราบทั่วกัน
นอกจากนี้ COPE และสำนักพิมพ์หลายแห่ง ยังได้กำหนดบทบาทหน้าที่สำหรับบุคคล 3 กลุ่ม ที่อยู่ใน
วงจรการตีพิมพ์เผยแพร่ผลงาน ได้แก่ ผู้นิพนธ์ (Author) บรรณาธิการวารสาร (Editor) และผู้ประเมิน
บทความ (Reviewer) เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องทั้ง 3 กลุ่ม ได้ศึกษาและปฏิบัติตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัดเพื่อ
ประโยชน์ต่อผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ตลอดจน ผู้อ่าน แวดวงวิชาการ และสังคมโลกโดยรวม
จริยธรรมการตีพิมพ์
จริยธรรมของบรรณาธิการ
1. บรรณาธิการมีหน้าที่ในการพิจารณา บทความมีความสอดคล้องกับนโยบายและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่วารสารกำหนดไว้ และตรวจสอบคุณภาพของบทความก่อนการรับเพื่อเข้าสู่กระบวนการกลั่นกรองพิจารณาตีพิมพ์เพื่อเผยแพร่ในวารสาร
2. บรรณาธิการจะต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนในผลงาน ทั้งกับผู้นิพนธ์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาประเมินบทความ และบุคคลอื่นๆที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งต้องป้องกันไม่ให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างทุกฝ่าย รวมถึงบุคคลในกองบรรณาธิการ
3. บรรณาธิการต้องควบคุมกระบวนการพิจารณาบทความด้วยความยุติธรรม ทั้งนี้ ต้องดำเนินการโดยปกปิดข้อมูลของ ผู้นิพนธ์ ผู้นิพนธ์ร่วม และผู้ทรงคุณวุฒิประเมินผลงาน (Double-Blind Process)
4. บรรณาธิการจะต้องคัดเลือกบทความที่รับตีพิมพ์ โดยพิจารณาจากคุณภาพของผลงานซึ่งได้ผ่านการประเมินโดยผู้ทรงคุณวุฒิประเมินผลงาน และผ่านกระบวนการกลั่นกรองอื่นตามขั้นตอนของวารสารแล้ว รวมทั้งเป็นบทความที่ไม่เคยตีพิมพ์ในวารสารหรือสิ่งพิมพ์อื่นใดมาก่อน
5. บรรณาธิการต้องตรวจสอบด้วยความรอบคอบกับบทความที่มีเหตุอันชวนสงสัยว่า เป็นบทความที่มีการกระทำผิดจริยธรรมทางวิชาการ แม้ว่าบทความนั้นจะได้รับการตอบรับให้ตีพิมพ์หรือไม่ ทั้งนี้ ต้องมีหลักฐานที่ชัดเจน หากมีการปฏิเสธบทความด้วยเหตุผลด้านจริยธรรม
จริยธรรมของผู้นิพนธ์บทความ
1. ผู้นิพนธ์ต้องรับรองว่าบทความที่ส่งมาเป็นบทความของผู้นิพนธ์ และหากมีผู้ร่วมนิพนธ์ในบทความ ผู้ร่วมนิพนธ์ทุกคนต้องได้อ่านและยินยอมให้มีการส่งบทความมาเพื่อพิจารณาตีพิมพ์เผยแพร่
2. ผู้นิพนธ์ต้องรับรองว่าบทความที่ส่งมาเป็นบทความที่ไม่เคยตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารใดมาก่อน หรือไม่อยู่ในระหว่างการส่งบทความเพื่อพิจารณาตีพิมพ์ในวารสารหรือสิ่งตีพิมพ์อื่น
3. หากผู้นิพนธ์มีการนำแนวคิด ข้อความต่างๆ บทความของผู้อื่น ซึ่งไม่ใช่ของผู้นิพนธ์ มาเป็นส่วนหนึ่งของบทความ ผู้นิพนธ์จะต้องอ้างอิงในเนื้อหาและในรายการบรรณานุกรม
4. ผู้นิพนธ์ต้องรับผิดชอบในการขออนุญาตใช้ภาพ แผนภูมิ หรือขอลิขสิทธิ์จากผู้ถือลิขสิทธิ์นั้น ทุกกรณี
5. ผู้นิพนธ์ต้องนำเสนอข้อมูล ข้อเท็จจริง และสาระในบทความอย่างถูกต้อง ชัดเจน ซื่อสัตย์ โดยไม่มีการดัดแปลงข้อมูล และไม่ใช้ความคิดเห็นส่วนตัว
6. ผู้นิพนธ์จะต้องเปิดเผยแหล่งทุนที่สนับสนุนการทำวิจัยหรือการเขียนบทความ (ถ้ามี)
7. ผู้นิพนธ์ทุกคนต้องเปิดเผยผลประโยชน์ทับซ้อนซึ่งอาจมีกระทบสำคัญต่อเนื้อหาในบทความ ไว้ในบทความให้ชัดเจน
8. ผู้นิพนธ์ต้องเขียนบทความให้ถูกต้องตามรูปแบบที่วารสารกำหนดไว้ในคำแนะนำสำหรับการจัดเตรียมต้นฉบับบทความ
9. ผู้นิพนธ์มีหน้าที่แจ้งต่อวารสารทันทีอย่างเร่งด่วน หากพบว่ามีข้อผิดพลาดที่มีสาระสำคัญในผลงานวิจัยที่นำเสนอในบทความภายหลัง หรือพบความไม่ถูกต้อง ครบถ้วน ในผลงานที่ได้รับการตีพิมพ์ เพื่อรับการพิจารณาปรับแก้บทความหรือถูกต้องหรือพิจารณาถอดถอนบทความ
จริยธรรมของผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาประเมินบทความ
1. ผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาประเมินบทความต้องรักษาความลับ โดยไม่เปิดเผยข้อมูลของบทความที่ส่งมาเพื่อพิจารณาตีพิมพ์ต่อบุคคลอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้อง ในช่วงระยะเวลาของการประเมินบทความนั้น
2. ผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาประเมินบทความ จะต้องไม่นำบทความที่ตนเองเป็นผู้ประเมินไปใช้เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว บุคคลอื่นใด หรือองค์กรใด
3. ผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาประเมินบทความ ต้องเปิดเผยข้อมูลและผลประโยชน์ทับซ้อนของบทความ เช่น เป็นผู้มีส่วนร่วมในบทความหรืองานวิจัยนั้น รู้จักและสนิทสนมกับผู้นิพนธ์จนเกิดความลำเอียง หรือเหตุผลอื่นใดที่ไม่อาจพิจารณาประเมินบทความโดยอิสระได้ ทั้งนี้ ผู้ทรงคุณวุฒิจะต้องแจ้งให้บรรณาธิการทราบ และถอนตัวจาการเป็นผู้พิจารณาประเมินบทความ
4. ผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาประเมินบทความ ควรรับพิจารณาบทความในสาขาวิชาที่มีความรู้ ความชำนาญ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ตามหลักวิชาการในศาสตร์ของตน และควรประเมินผลงานด้วยความเป็นธรรมและปราศจากอคติ ไม่ใช้ความรู้สึกส่วนตัว
5. ผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาประเมินบทความ ควรส่งผลการประเมินภายตามระยะเวลาที่วารสารกำหนด หากมีเหตุขัดข้องในช่วงระยะเวลาที่รับการพิจารณา ต้องดำเนินการแจ้งบรรณาธิการทราบทันที
6. ผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาประเมินบทความ ควรแจ้งให้บรรณาธิการทราบ หากพบว่าบทความที่รับพิจารณามีส่วนหนึ่งส่วนใดที่คล้ายคลึง หรือมีเนื้อหาทับซ้อน หรือเหมือนกับบทความที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของวารสารอื่น