จริต 6 ในการดำเนินชีวิต
Main Article Content
บทคัดย่อ
จริต 6 คือ การแบ่งประเภทของบุคคลตามลักษณะนิสัยพื้นฐาน ซึ่งพระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ในพระไตรปิฎก เพื่อให้เข้าใจธรรมชาติของจิตใจมนุษย์ได้อย่างลึกซึ้งและนำไปใช้ในการพัฒนาตนเองรวมถึงการเข้าใจและอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ดียิ่งขึ้น โดยจริตมี 6 ประเภท ได้แก่ 1) ราคจริต เน้นความสุขทางกายและความรู้สึกเพลิดเพลิน ชอบในสิ่งสวยงาม หลงใหลในกามคุณ ตัวอย่างเช่น พระนันทะที่หลงใหลในความสวยงามของหญิงสาว หรือพระเขมาเถรีที่ยังมีความผูกพันกับชีวิตในวัง 2) โทสจริต มีอารมณ์ร้อน โกรธง่าย หงุดหงิดง่าย ตัวอย่างเช่น นายช่างแก้วที่โกรธจนทำลายพระพุทธรูป 3) โมหจริต ขี้เกียจ เซื่องซึม ไม่ค่อยคิดอะไรมาก มักจะหลงผิด ตัวอย่างเช่น ผู้คนที่อยู่ในป่าทัณฑกี ซึ่งเป็นป่าแห่งความทุกข์ยาก แต่กลับไม่พยายามหาทางออก 4) วิตกจริต กังวลมากเกินไป คิดมาก วิตกกังวลในเรื่องต่างๆ ตัวอย่างเช่น นักขัตตชาดก ที่วิตกกังวลเกี่ยวกับการเกิดใหม่ 5) สัทธาจริต เชื่ออะไรง่ายๆ ไม่ค่อยตั้งคำถาม หรือพิจารณาเหตุผล ตัวอย่างเช่น พระวักกลิเถระ ที่เชื่อในคำสอนของครูบาอาจารย์โดยไม่พิจารณา และ 6) พุทธิจริต ฉลาด มีปัญญา ชอบคิดวิเคราะห์ มีเหตุผล ตัวอย่างเช่น พระสาวกหลายรูป เช่น พระสารีบุตร พระมหากัสสปะ
จริต 6 เป็นแนวคิดที่ช่วยให้เราเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ได้อย่างลึกซึ้ง การรู้จักจริตของตนเองและผู้อื่น จะช่วยให้เราสามารถพัฒนาตนเองและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่นได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ จริต 6 นั้นมีความสำคัญในการดำเนินชีวิตเป็นอย่างมาก ได้แก่ 1) เข้าใจตนเอง ช่วยให้เราเข้าใจธรรมชาติของจิตใจตนเอง และสามารถพัฒนาตนเองได้อย่างเหมาะสม 2) เข้าใจผู้อื่น ช่วยให้เราเข้าใจพฤติกรรมของผู้อื่นได้ดีขึ้น ทำให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข 3) เลือกวิธีการสอนที่เหมาะสม ผู้สอนสามารถเลือกวิธีการสอนที่เหมาะสมกับจริตของผู้เรียน และ 4) แก้ไขปัญหา ช่วยให้เราสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดจากจริตของตนเองได้
Article Details

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ส่งมาขอรับการตีพิมพ์ในวารสารวารสารการบริหารการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ จะต้องไม่เคยตีพิมพ์หรืออยู่ระหว่างการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อตีพิมพ์ในวารสารอื่น รวมทั้งผู้เขียนจะต้องคำนึงถึงจริยธรรมการวิจัย ไม่ละเมิดหรือคัดลอกผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง ซึ่งทางวารสารได้กำหนดความซ้ำของผลงานด้วยโปรแกรม CopyCat เว็บ Thaijo ในระดับ ไม่เกิน 25%
ในกรณีที่ บทความวิจัยมีกระบวนการวิจัยเกี่ยวข้องกับมนุษย์ ผู้นิพนธ์จะต้องส่งหลักฐานการรับรองจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์มาประกอบการลงตีพิมพ์ด้วยจึงจะได้รับการพิจารณาลงตีพิมพ์ในวารสาร
ผู้เขียนบทความจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การเสนอบทความเพื่อตีพิมพ์ในวารสารการบริหารการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ รวมทั้งระบบการอ้างอิงต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของวารสารการบริหารการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ โดยรวมทั้งทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความในวารสารการบริหารการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความนั้น และไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการวารสารการบริหารการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ และวารสารการบริหารการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์
References
กระจ่าง อัฐนาค. (2550). พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น ในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากาฬสินธุ์ เขต 3. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร.
พระอุปติสสเถระ. (2547). วิมุตติมรรค. แปลโดย พระเทพโสภณ (ประยูร ธมฺมจิตฺโต) และคณะ. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. (2539). พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์. (2553). คู่มือการจัดระบบการเรียนการสอนที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้. พระนครศรีอยุธยา: เทียนวัฒนา พริ้นท์ติ้ง.
สงวน สุทธิเลิศอรุณ. (2543). พฤติกรรมมนุษย์กับการพัฒนาตน. กรุงเทพมหานคร: อักษราพิพัฒน์.
สานิตย์ หนูนิล และกนกวรา พวงประยงค์. (2562). ปัจจัยที่มีผลต่อรูปแบบการดำเนินชีวิตของคนรุ่นใหม่ในชนบทไทย. วารสารพัฒนาสังคม. 21(2). 176-193.
Evans, M., Jamal, A. & Foxall, G. (2009). Customer behavior. 2nd ed. Chichester: John Winley & Sons.
Hawkins, D. I. & Mothersbaugh, D. L. (2013). Customer behavior: building marketing strategy. 12th ed. New York: McGraw-Hill Irwin.
Hoyer, W. D. & MacInnin, D., J. (2010). Customer behavior. 5th ed. Manson, Ohio: SouthWestern Cengage Learning.