วารสารการบริหารการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ https://so16.tci-thaijo.org/index.php/JEAHS <p><strong>วารสารการบริหารการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์</strong></p> <p><strong>Journal of Educational Administration and Human Social Sciences (JEAHS)</strong></p> <p><strong>ISSN 3027-7191 (Online)</strong></p> <p><strong>นโยบายและขอบเขตการตีพิมพ์ : </strong></p> <p>มีนโยบายรับตีพิมพ์บทความในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสตร์ ครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ ศิลปศาสตร์ สังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ และสาขาวิชาสหวิทยาการอื่นๆ</p> <p>บทความที่ส่งมาขอรับการตีพิมพ์จะต้องไม่เคยตีพิมพ์ หรืออยู่ระหว่างการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อตีพิมพ์ในวารสารอื่น ผู้เขียนบทความจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การเสนอบทความในวารสารอย่างเคร่งครัด โดยอ้างอิงตามรูปแบบของ APA (นาม-ปี) รวมถึงเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของวารสารฯ และเป็นบทความที่ไม่มีความหลายมากกว่า 25% ตามที่กำหนดไว้ในโปรแกรม CopyCat ในเว็บ Thaijo2</p> <p>ทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความในวารสารฯ ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความ โดยไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของวารสารฯ</p> <p><strong>กระบวนการพิจารณาบทความ : </strong></p> <p>บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ทุกบทความจะต้องผ่านการพิจารณาโดยผู้ทรงคุณวุฒิที่เชี่ยวชาญ 2 แบบ คือ</p> <p>แบบที่ 1 บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ทุกบทความจะต้องผ่านการพิจารณาโดยผู้ทรงคุณวุฒิที่เชี่ยวชาญอย่างน้อย 2 ท่าน ต่อ 1 บทความ แบบผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แต่งไม่ทราบชื่อกันและกัน (double-blind review)</p> <p>แบบที่ 2 บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ทุกบทความจะต้องผ่านการพิจารณาโดยผู้ทรงคุณวุฒิที่เชี่ยวชาญอย่างน้อย 3 ท่าน ต่อ 1 บทความ แบบผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แต่งไม่ทราบชื่อกันและกัน (double-blind review)</p> <p><strong>ประเภทของบทความ : </strong></p> <p>เปิดรับตีพิมพ์ประเภทของบทความ คือ บทความวิจัย (Research Article) และบทความวิชาการ (Original Article)</p> <p><strong>ภาษาที่รับตีพิมพ์ :</strong></p> <p>เปิดรับบทความที่เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ</p> <p><strong>กำหนดออก : </strong></p> <p>มีกำหนดออกตีพิมพ์ 3 ฉบับ ต่อปี (ราย 4 เดือน) ดังนี้</p> <p>ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม- เมษายน</p> <p>ฉบับที่ 2 เดือนพฤษภาคม-สิงหาคม</p> <p>ฉบับที่ 3 เดือนกันยายน-ธันวาคม</p> th-TH <p>บทความที่ส่งมาขอรับการตีพิมพ์ในวารสารวารสารการบริหารการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ จะต้องไม่เคยตีพิมพ์หรืออยู่ระหว่างการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อตีพิมพ์ในวารสารอื่น รวมทั้งผู้เขียนจะต้องคำนึงถึงจริยธรรมการวิจัย ไม่ละเมิดหรือคัดลอกผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง ซึ่งทางวารสารได้กำหนดความซ้ำของผลงานด้วยโปรแกรม CopyCat เว็บ Thaijo ในระดับ ไม่เกิน 25%</p> <p>ในกรณีที่ บทความวิจัยมีกระบวนการวิจัยเกี่ยวข้องกับมนุษย์ ผู้นิพนธ์จะต้องส่งหลักฐานการรับรองจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์มาประกอบการลงตีพิมพ์ด้วยจึงจะได้รับการพิจารณาลงตีพิมพ์ในวารสาร</p> <p>ผู้เขียนบทความจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การเสนอบทความเพื่อตีพิมพ์ในวารสารการบริหารการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ รวมทั้งระบบการอ้างอิงต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของวารสารการบริหารการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ โดยรวมทั้งทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความในวารสารการบริหารการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความนั้น และไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการวารสารการบริหารการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ และวารสารการบริหารการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์</p> yannawat8@gmail.com (พระมหาญาณวัฒน์ ฐิตวฑฺฒโน, ผศ. ดร.) sukpinya.im@gmail.com (ดร.ศุขภิญญา ศรีคำไทย) Wed, 30 Apr 2025 18:44:56 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 นวัตกรรมการบริหารการศึกษา https://so16.tci-thaijo.org/index.php/JEAHS/article/view/1685 <p>นวัตกรรมเป็นการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ สิ่งที่ทำขึ้นใหม่ หรือพัฒนาขึ้นใหม่ สิ่งที่สร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาและพัฒนา การใช้ความรู้ ความคิด คิดต่อยอดความคิดเก่า ความคิดสร้างสรรค์ที่มีประโยชน์ การใช้ประโยชน์จากความคิดใหม่ การเรียนรู้ การจัดการความรู้ องค์ความรู้ วิธีการ เทคนิค กระบวนการ การปฏิบัติ หลักการปฏิบัติ ระบบ รูปแบบ การกระทำ แนวคิด ทฤษฎี การใช้ประโยชน์จากความคิดใหม่ ในลักษณะการสร้างสิ่งประดิษฐ์ ผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึงสื่อวัสดุ อุปกรณ์ ครุภัณฑ์ใหม่ๆ โดยมีความหมาย คือ (1) เป็นสิ่งใหม่ที่ไม่เคยมีผู้ใดเคยทำมาก่อน (2) เป็นสิ่งใหม่ที่เคยทำมาแล้วในอดีตแต่นำมาใช้ใหม่ (3) เป็นการนำนวัตกรรมเดิมที่มีอยู่แล้วมาพัฒนาดัดแปลงให้ดีขึ้นแล้วนำมาใช้ใหม่</p> <p>นวัตกรรมการบริหารการศึกษา เป็นกระบวนการสร้างสรรค์ทางแนวคิด กระบวนการทำงาน หรือรูปแบบใหม่ๆ ในการบริหารจัดการโรงเรียนอันมาจากการสร้าง พัฒนา ต่อยอด หรือประยุกต์องค์ความรู้ที่อาจจะมาจากสาขาแขนงวิชาอื่นๆ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาประสิทธิภาพ ประสิทธิผลและคุณภาพในการบริหาร ประกอบด้วย 1) นวัตกรรมเชิงนโยบายและยุทธศาสตร์ ที่มุ่งเน้นการปรับปรุงนโยบายและยุทธศาสตร์ผ่านแนวคิดและการวางแผนที่สร้างสรรค์ 2) นวัตกรรมด้านสินค้าและบริการ ในที่นี้มุ่งพัฒนาสินค้า (ผู้รับบริการคือนักเรียน) และบริการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการส่งมอบภาครัฐ 3) นวัตกรรมการให้บริการ/การส่งมอบงาน มุ่งปรับปรุงวิธีการและเส้นทางการให้บริการ 4) นวัตกรรมด้านกระบวนการและการบริหารองค์การ มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพและโครงสร้างองค์กรภายใน 5) นวัตกรรมด้านการปฏิสัมพันธ์เชิงกระบวนการ มุ่งปรับปรุงการมีส่วนร่วมและการสื่อสารภายในกระบวนการภาครัฐ ซึ่งสอดคล้องกับกับหลักการบริหารจัดการโรงเรียนตาม วPA เป็นเทคนิคการใช้นวัตกรรมในการบริหารจัดการโรงเรียน มีองค์ประกอบ 9 ด้าน ดังนี้ 1) การขับเคลื่อนด้านการบริหารโรงเรียน คือ ผู้อำนวยการ มีปัจจัยหลักจำนวน 5 องค์ประกอบ ได้แก่ ผู้นำ ชุมชน บรรยากาศการเรียนรู้ เทคโนโลยี เป้าหมาย 2) การขับเคลื่อนด้านการสอน คือ ผู้อำนวยการ มีปัจจัยหลัก จำนวน 3 องค์ประกอบ ได้แก่ หลักสูตรและการประเมิน รูปแบบและการปฏิบัติการสอน การพัฒนาวิชาชีพ 3) การขับเคลื่อนด้านการเรียนรู้ คือ นักเรียน มีปัจจัยหลักได้แก่นักเรียนได้มีส่วนร่วมและสามารถลงมือทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง</p> พระครูสมุห์ทอง ฐิตปญฺโญ (บุตรดี) , สมศักดิ์ บุญปู่ , มนัสนันท์ บุญปู่ Copyright (c) 2025 วารสารการบริหารการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so16.tci-thaijo.org/index.php/JEAHS/article/view/1685 Wed, 30 Apr 2025 00:00:00 +0700 การประยุกต์ใช้หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนาในการเรียนการสอน ด้วยแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อพัฒนาผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 https://so16.tci-thaijo.org/index.php/JEAHS/article/view/1597 <p>บทความเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอการประยุกต์ใช้หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนาในการเรียนการสอนด้วยแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อพัฒนาผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 เนื่องจากแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นเครื่องมือสำคัญของการศึกษาในศตวรรษที่ 21 ช่วยพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับผู้เรียนในยุคดิจิทัล ส่งเสริมการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม ผู้เรียนสามารถแสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนความรู้ และทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ แพลตฟอร์มยังเปิดโอกาสให้เข้าถึงแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย เรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา และปรับการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ผู้สอนสามารถจัดการเรียนการสอน มอบหมายงาน และติดตามความก้าวหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ การประยุกต์ใช้หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนาในการเรียนการสอนด้วยแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อพัฒนาผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 โดยเฉพาะหลักพรหมวิหาร 4 ประกอบด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ได้แก่ การสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่อบอุ่นเอื้อเฟื้อ สร้างชุมชนออนไลน์ที่ให้กำลังใจและช่วยเหลือกัน (เมตตา) การใช้แพลตฟอร์มแบ่งปันข้อมูลและสนับสนุนการแก้ไขปัญหาสังคม (กรุณา) ส่งเสริมการชื่นชมและให้กำลังใจเมื่อผู้อื่นสำเร็จ (มุทิตา) และการใช้แพลตฟอร์มในการอภิปรายอย่างมีวิจารณญาณและเป็นกลาง (อุเบกขา) จะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่เอื้ออาทรและเป็นกัลยาณมิตร ส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านการเชื่อมโยงเนื้อหากับชีวิตจริง และปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม และเตรียมความพร้อมสำหรับโลกของการทำงานในอนาคต </p> ฉัตรชัย ธารพล Copyright (c) 2025 วารสารการบริหารการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so16.tci-thaijo.org/index.php/JEAHS/article/view/1597 Wed, 30 Apr 2025 00:00:00 +0700 องค์ประกอบคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามหลักสังคหวัตถุ 4 ของนักเรียนโรงเรียนสาธิตปทุม https://so16.tci-thaijo.org/index.php/JEAHS/article/view/1699 <p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสนอองค์ประกอบคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามหลักสังคหวัตถุ 4 ของนักเรียนโรงเรียนสาธิตปทุม เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการสัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลสำคัญที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จำนวน 17 คน ด้วยแบบสัมภาษณ์แบบกึ่งมีโครงสร้าง และทำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า องค์ประกอบคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามหลักสังคหวัตถุ 4 ของนักเรียนโรงเรียนสาธิตปทุม ประกอบด้วย 1) คุณลักษณะอันพึงประสงค์ด้านการให้ (ทาน) นักเรียนมีการเสียสละ แบ่งปันสิ่งของ เวลา ความรู้ หรือความสามารถให้แก่ผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน 2) คุณลักษณะอันพึงประสงค์ด้านวาจาสุภาพ (ปิยวาจา) นักเรียนมีการใช้คำพูดที่ไพเราะ สุภาพ อ่อนน้อม และเหมาะสมกับสถานการณ์และบุคคลที่พูดด้วย 3) คุณลักษณะอันพึงประสงค์ด้านจิตสาธารณะ (อัตถจริยา) นักเรียนมีจิตใจที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม และพร้อมที่จะทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่นและสังคม 4) คุณลักษณะอันพึงประสงค์ด้านประพฤติตนเหมาะสม (สมานัตตตา) นักเรียนมีการปฏิบัติตนตามบทบาทและหน้าที่ของตนเองอย่างเหมาะสม รู้จักควบคุมอารมณ์ และมีความรับผิดชอบ</p> พลเอก อดิศร สุวรรณตรา , สมศักดิ์ บุญปู่ Copyright (c) 2025 วารสารการบริหารการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so16.tci-thaijo.org/index.php/JEAHS/article/view/1699 Wed, 30 Apr 2025 00:00:00 +0700 ความต้องการจำเป็นการพัฒนาภาวะผู้นำดิจิทัลสำหรับผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุทัยธานี ชัยนาท https://so16.tci-thaijo.org/index.php/JEAHS/article/view/1703 <p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความต้องการจำเป็นการพัฒนาภาวะผู้นำดิจิทัลสำหรับผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุทัยธานี ชัยนาท เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ โดยใช้แบบสอบถามกลุ่มตัวอย่างคือผู้บริหารและครูโรงเรียนมัธยมศึกษาอุทัยธานี ชัยนาท จำนวน 302 คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าสถิติ คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่า PNI<sub>modified</sub></p> <p>ผลการวิจัยพบว่า สภาพที่เป็นจริงการพัฒนาภาวะผู้นำดิจิทัลสำหรับผู้บริหารสถานศึกษา โดยภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก สภาพที่ควรจะเป็นการพัฒนาภาวะผู้นำดิจิทัล สำหรับผู้บริหารสถานศึกษา โดยภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด และความต้องการจำเป็นการพัฒนาภาวะผู้นำดิจิทัลสำหรับผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาอุทัยธานี ชัยนาท พบว่า ค่าดัชนีความต้องการจำเป็นอันดับที่ 1 การมีวิสัยทัศน์ดิจิทัล อันดับที่ 2 การมีความรู้ดิจิทัลและสามารถใช้งานได้อย่างคล่องแคล่ว อันดับที่ 3 การสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ดิจิทัล และอันดับที่ 4 การเข้าใจในความรู้และทักษะดิจิทัลที่หลากหลายของแต่ละบุคคล ตามลำดับ</p> ไชยโพธิ์ ร่มโพธิ์ , พระครูภาวนาวุฒิบัณฑิต Copyright (c) 2025 วารสารการบริหารการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so16.tci-thaijo.org/index.php/JEAHS/article/view/1703 Wed, 30 Apr 2025 00:00:00 +0700 ความต้องการจำเป็นการบริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา https://so16.tci-thaijo.org/index.php/JEAHS/article/view/1710 <p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความต้องการจำเป็นการบริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เป็นการวิจัยเชิงปริมาณโดยใช้แบบสอบถามกลุ่มตัวอย่างคือ ผู้บริหารและครูในโรงเรียนประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา จำนวน 354 คน และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าสถิติ คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่า PNI<sub>modified</sub></p> <p>ผลการวิจัยพบว่า สภาพที่เป็นจริงการบริหารสถานศึกษา โดยภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก สภาพที่ควรจะเป็นการบริหารสถานศึกษา โดยภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด และเมื่อเรียงลำดับตามความสำคัญของความต้องการความจำเป็น โดยระบุความต้องการความจำเป็นที่มีความสำคัญมากที่สุด และมีความเร่งด่วนที่ต้องได้รับการพัฒนาก่อน ซึ่งพิจารณาตามค่าดัชนี PNI<sub>modified</sub> ในที่นี้ คือ 0.076 พบว่า อันดับ 1 คือ การบริหารทั่วไป รองลงมา คือ การบริหารงานวิชาการ การบริหารงานบุคคล และการบริหารงานงบประมาณ ตามลำดับ</p> กรัณฑรัตน์ จำเนียรพันธุ์ , เผด็จ จงสกุลศิริ Copyright (c) 2025 วารสารการบริหารการศึกษาและมนุษยสังคมศาสตร์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so16.tci-thaijo.org/index.php/JEAHS/article/view/1710 Wed, 30 Apr 2025 00:00:00 +0700