การบริหารแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อมาตรฐานการจัดการอาชีวศึกษาในสถานศึกษา สังกัดสถาบันการอาชีวศึกษาภาคกลาง 5
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา (1) ระดับการบริหารแบบมีส่วนร่วมในสถานศึกษา (2) ระดับมาตรฐานการจัดการอาชีวศึกษาในสถานศึกษา (3) การบริหารแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อมาตรฐานการจัดการอาชีวศึกษาในสถานศึกษาสังกัดสถาบันการอาชีวศึกษาภาคกลาง 5 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยสุ่มแบบแบ่งชั้นตามสัดส่วน ได้แก่ ผู้บริหารและครู จำนวนรวม 217 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามการบริหารแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อมาตรฐานการจัดการอาชีวศึกษาในสถานศึกษา สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ความเที่ยงตรงและความเชื่อมั่นของแบบสอบถาม สถิติที่ใช้ทดสอบสมมติฐานใช้การวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน ผลการวิจัยพบว่า 1) การบริหารแบบมีส่วนร่วมในสถานศึกษา โดยภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านความเป็นอิสระต่อความรับผิดชอบในงาน มีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมาได้แก่ ด้านความยึดมั่นผูกพัน ส่วนด้านการไว้วางใจกัน มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด 2) มาตรฐานการจัดการอาชีวศึกษาในสถานศึกษา โดยภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านด้านหลักสูตรอาชีวศึกษา มีค่าเฉลี่ยสูงสุด รองลงมาได้แก่ ด้านการนำนโยบายสู่การปฏิบัติ ส่วนด้านการจัดการเรียนการสอนอาชีวศึกษา มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด 3) การบริหารแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อมาตรฐานการจัดการอาชีวศึกษาในสถานศึกษา โดยตัวแปรที่มีอิทธิพลในการทำนายตามลำดับมากที่สุด ได้แก่ การตั้งเป้าหมายและวัตถุประสงค์ร่วมกัน การไว้วางใจกัน ความยึดมั่นผูกพัน และความเป็นอิสระต่อความรับผิดชอบในงาน เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อมาตรฐานการจัดการอาชีวศึกษาในสถานศึกษา อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์พหุคูณเป็น .876 สามารถร่วมกันทำนายมาตรฐานการจัดการอาชีวศึกษาได้ร้อยละ 76.70
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2542). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542. กรุงเทพฯ: กระทรวงศึกษาธิการ.
แก้วภัทรา จิตรอักษร, พัชราวลัย สังข์ศรี และ พรศักดิ์ สุจริตรักษ์. (2565). ความสัมพันธ์ระหว่างคุณลักษณะผู้นำกับการบริหารแบบมีส่วนร่วมของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาราชบุรี เขต 1. วารสารสิรินธรปริทรรศน์, 23(1), 249-261.
นิตยา เกตุแก้ว และ มังกร หริรักษ์. (2567). การบริหารแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อคุณภาพการศึกษาด้านการสร้างสังคม แห่งการเรียนรู้ตามมาตรฐานการอาชีวศึกษาของสถานศึกษา สังกัดสถาบันการอาชีวศึกษาภาคใต้. วารสารนวัตกรรมการจัดการศึกษาและการวิจัย, 6(2), 303–316.
บุญชม ศรีสะอาด. (2560). การวิจัยเบื้องต้น. (พิมพ์ครั้งที่ 10). กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น.
ปิยวุฒิ เยี่ยมสวัสดิ์. (2563). ความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารแบบมีส่วนร่วมกับการสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ของผู้บริหาร โรงเรียนในอำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร. (ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต,มหาวิทยาลัยธนบุรี).
สํานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา. (2561). การประเมินคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาตามมาตรฐานการ อาชีวศึกษา พ.ศ. 2561. กรุงเทพฯ: สํานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา.
อนุวัตร อินทนชิตจุ้ย. (2562). การประเมินการบริหารจัดการหลักสูตรของสถาบันการอาชีวศึกษาภาคกลาง. (ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต, มหาวิทยาลัยศิลปากร).
Cronbach, L. J. (1990). Essentials of psychological testing. (5th ed.). New York: Harper Collins.
Krejcie, R.V. & Morgan, D.W. (1970). Determining Sample Size for Research Activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607–610.
Likert, R. (1961). New Patterns of Management. New York: McGraw – Hill.
Swansburg, R. C. (1996). Management and Leadership for Nurse Managers. Boston: Jones and Bartlett.