การประเมินแบบเก่าในโลกใหม่: ปรับตัวอย่างไรให้ตอบโจทย์ผู้เรียนยุคดิจิทัล

ผู้แต่ง

  • นภัสมน สุขจร นักศึกษาระดับปริญญาเอก สาขาวิชาวิจัยหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร
  • สุทธิชัย แสนท้าว นักศึกษาระดับปริญญาเอก สาขาวิชาวิจัยหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร
  • อิสฬิยาภรณ์ วรกิตตนนท์ นักศึกษาระดับปริญญาเอก สาขาวิชาวิจัยหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร
  • กฤตภาส วงค์มา นักศึกษาระดับปริญญาเอก สาขาวิชาวิจัยหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร
  • สำราญ กำจัดภัย รองศาสตราจารย์ ดร. คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร
  • ธนานันต์ กุลไพบุตร รองศาสตราจารย์ ดร. คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร,
  • พัทธนันท์ ชมภูนุช อาจารย์ ดร. คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร

คำสำคัญ:

การวัดและการประเมินผลการเรียนรู้ตามแนวดั้งเดิม , การวัดและประเมินผลยุคดิจิทัล , แนวทางการประเมินผลการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21

บทคัดย่อ

บทความวิชาการเรื่อง “การประเมินแบบเก่าในโลกใหม่: ปรับตัวอย่างไรให้ตอบโจทย์ผู้เรียนยุคดิจิทัล” มุ่งวิเคราะห์ปัญหา ข้อจำกัด และผลกระทบของระบบการประเมินผลการเรียนรู้แบบดั้งเดิมในบริบทของการศึกษาศตวรรษที่ 21 ซึ่งเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ความหลากหลายของผู้เรียน และความจำเป็นในการพัฒนาผู้เรียนเพื่อให้เกิดทักษะที่หลากหลาย โดยชี้ให้เห็นถึงข้อจำกัดของการประเมินแบบเน้นการสอบ การให้คะแนนเชิงปริมาณ และการมองผู้เรียนจากผลการทดสอบปลายภาคเพียงอย่างเดียว ซึ่งไม่สามารถสะท้อนศักยภาพที่แท้จริงและพัฒนาการรอบด้านของผู้เรียนได้อย่างครบถ้วน บทความได้นำเสนอการเปลี่ยนกระบวนทัศน์จาก “การประเมินเพื่อการตัดสิน” (Assessment of Learning) ไปสู่ “การประเมินเพื่อการเรียนรู้” (Assessment for Learning) และ “การประเมินเป็นการเรียนรู้” (Assessment as Learning) โดยเสนอแนวทางการประเมินสมัยใหม่ อาทิ การประเมินแบบองค์รวม (Holistic Assessment) การประเมินตามสภาพจริง (Authentic Assessment) การประเมินโดยผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง (Learner-Centered Assessment) การประเมินทางเลือก (Alternative Assessment) และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น ระบบการจัดการเรียนรู้ (LMS) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อวิเคราะห์ ติดตาม และให้ข้อมูลย้อนกลับแก่ผู้เรียนได้แบบเรียลไทม์ ทั้งนี้เพื่อเพิ่มความแม่นยำ ความยืดหยุ่น และความเป็นธรรมในการประเมินผลการเรียนรู้

       นอกจากนี้ บทความยังสะท้อนปัญหาด้านภาระงานครูผู้สอน ความเข้าใจในการวัดผลที่ยังไม่ครอบคลุม และการขาดเครื่องมือที่มีคุณภาพทางวิชาการ ส่งผลให้การประเมินไม่สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาการเรียนรู้อย่างแท้จริง จึงเสนอให้การประเมินเป็นกระบวนการต่อเนื่องที่บูรณาการกับการจัดการเรียนการสอน และเน้นข้อมูลย้อนกลับเพื่อการปรับปรุงวิธีการสอนอย่างเหมาะสมกับผู้เรียนรายบุคคล โดยสรุป บทความนี้มุ่งอธิบายความท้าทายของการประเมินผลแบบดั้งเดิมที่ยังพึ่งพาการสอบปลายภาคและการให้คะแนนเชิงปริมาณ ซึ่งไม่สะท้อนศักยภาพที่แท้จริงและทักษะรอบด้านของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วด้วยเทคโนโลยีและความหลากหลายของผู้เรียน และเสนอการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ไปสู่การประเมินเพื่อพัฒนาและเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ โดยเน้นการประเมินแบบองค์รวม ประเมินตามสภาพจริง ประเมินทางเลือก และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อวิเคราะห์ ติดตาม และให้ข้อมูลย้อนกลับทันที ช่วยเพิ่มความแม่นยำ ความยืดหยุ่น และความเป็นธรรม ตลอดจนสะท้อนปัญหาภาระงานครูผู้สอนและเครื่องมือประเมินที่ยังไม่ครบถ้วน ควรให้การประเมินเป็นกระบวนการต่อเนื่องที่บูรณาการกับการจัดการเรียนรู้ เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการยุคดิจิทัล

เอกสารอ้างอิง

ทยิดา เลิศชนะเดชา. (2568). การใช้ประโยชน์จากปัญญาประดิษฐ์เพื่อการจัดการการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. วารสารสถาบันวิจัยลพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, 12(1), 57-78.

ทิศนา แขมมณี. (2558). การประเมินขณะรู้. วารสารราชบัณฑิตยสภา, 40(3), 155-174.

พิชิต ฤทธิ์จรูญ. (2552). หลักการวัดและประเมินผลการศึกษา (พิมพ์ครั้งที่ 5). กรุงเทพฯ: เฮ้าส์ ออฟ เคอร์มิสท์.

วารุณี ลัภนโชคดี. (2560). ปัจจัยที่ส่งผลและพัฒนาการของระดับคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานจากผล การประเมินคุณภาพภายนอกทั้งสามรอบของ สมศ. กรุงเทพฯ: สํานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน).

วิจารณ์ พานิช. (2558). การเรียนรู้สู่การเปลี่ยนแปลง. กรุงเทพฯ: เอส.อาร์.พริ้นติ้งแมสโปรดักส์.

สุทัศน์ เอกา. (2558). เปรียบเทียบ “การประเมิน” แบบเก่า และ แบบใหม่. เข้าถึงได้จาก https://www.facebook.com/iGlobalAcademy.EDU/posts/เปรียบเทียบ-การประเมิน-แบบเก่า-และ-แบบใหม่traditional-assessment-ta-i-amreferri/464141940401936/ 16 พฤษภาคม 2568.

องอาจ นัยพัฒน์. (2553). การวัดประเมินในชั้นเรียน: วิวัฒนาการและแนวคิดใหม่เพื่อพัฒนาการเรียนรู้. วารสารศรีนครินทรวิโรฒวิจัยและพัฒนา (สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์), 2(3), 1-12.

อักษร. (2568). 4 เป้าหมายสำคัญ ของการวัดและประเมินผลที่ดี. เข้าถึงได้จาก https://www.aksorn.com/4goals 16 พฤษภาคม 2568.

อักษร. (2568). 7 วิธีที่ไม่ต้องใช้ข้อสอบก็ประเมินผู้เรียนได้. เข้าถึงได้จาก https://www.aksorn.com/ac1-7ways-mative-assessment 16 พฤษภาคม 2568.

Black, P. J., & Wiliam, D. (1998). Assessment and classroom learning. Assessment in Education: Principles, Policy and Practice, 5(1), 7-74.

Earl, L. (2003). Assessment as Learning: Using Classroom Assessment to Maximize Student Learning. Thousand Oaks, CA: Corwin Press.

Murrell, P. (1987). What Standardized Tests Do Not Measure. Retrieved from https://rethinkingschools.org/articles/what-standardized-tests-do-not-measure/

Sahera, A., Alib, J. A., Amani, D., & Najwand, F. (2022). Traditional versus authentic assessments in higher education.Pegem Journal of Education and Instruction, 12(1), 283-291.

Tyler, R. W. (1968). Basic principle of Curriculum and Instruction. Chicago: The University of Chicago Press.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-09-27

รูปแบบการอ้างอิง

นภัสมน สุขจร, สุทธิชัย แสนท้าว, อิสฬิยาภรณ์ วรกิตตนนท์, กฤตภาส วงค์มา, สำราญ กำจัดภัย, ธนานันต์ กุลไพบุตร, & พัทธนันท์ ชมภูนุช. (2025). การประเมินแบบเก่าในโลกใหม่: ปรับตัวอย่างไรให้ตอบโจทย์ผู้เรียนยุคดิจิทัล. วารสารวิชาการหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร, 17(49), 204–217. สืบค้น จาก https://so16.tci-thaijo.org/index.php/jci/article/view/2160