การพัฒนาระบบฐานข้อมูลและการจัดเก็บหลักฐานในกระบวนการยุติธรรมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล กรณีศึกษาจังหวัดอุบลราชธานี
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาปัญหาและอุปสรรคของระบบฐานข้อมูลและการจัดเก็บหลักฐาน ในกระบวนการยุติธรรมจังหวัดอุบลราชธานี และ (2) เพื่อเสนอแนวทางพัฒนาระบบดังกล่าวด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล การศึกษานี้เป็นการวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการสัมภาษณ์เชิงลึกตัวแทนหน่วยงานตำรวจ อัยการ ศาล คุมประพฤติ และนักวิชาการด้านเทคโนโลยีดิจิทัล รวมทั้งหมด 13 คน ด้วยแบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง และได้รับอนุมัติจริยธรรมการวิจัย วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหาและตรวจสอบข้อมูลแบบสามเส้า ผลการศึกษาพบว่า 1) ปัญหาและอุปสรรคของระบบฐานข้อมูลและการจัดเก็บหลักฐานระดับจังหวัดที่สำคัญมีดังนี้ (1) โครงสร้างข้อมูลแยกส่วนและยังพึ่งพาเอกสารกระดาษ (2) ระบบ AWIS/POLIS, e-Saraban, e-Filing/CIOS และ DOPIS ไม่เชื่อมโยงกัน ทำให้การส่งสำนวนและคำพิพากษาต้องใช้เอกสารกายภาพ (3) การเข้าถึงศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลกลางจำกัดเฉพาะส่วนกลางและขาดเลขคดีมาตรฐานร่วม (4) ไม่มีระบบติดตามสำนวนแบบเรียลไทม์ (5) การเก็บสำนวนกระดาษสร้างภาระในการค้นคืนและทำลายเมื่อครบอายุเก็บ และ (6) เจ้าหน้าที่ธุรการต้องบันทึกข้อมูลซ้ำทั้งดิจิทัลและกระดาษ ทำให้กระบวนการล่าช้าและซ้ำซ้อน 2) แนวทางพัฒนาระบบข้อมูลที่บูรณาการด้านความปลอดภัย ตรวจสอบได้ ประกอบด้วย (1) ฐานข้อมูลกลางหรือ ที่เชื่อมผ่านระบบมาตรฐาน (2) ใช้ล็อกอินครั้งเดียวกับผู้ให้บริการยืนยันตัวตนและใช้เลขคดีดำเป็นรหัสอ้างอิงเดียว (3) ใช้บล็อกเชนยืนยันความถูกต้อง ตรวจสอบย้อนหลังหลักฐาน 4) กำหนดการควบคุมสิทธิ์การเข้าถึงตามบทบาท และบันทึกการตรวจสอบ (5) กรอบการ บูรณาการข้อมูลแบบเปิดผ่านศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลกลางระดับจังหวัด (6) ใช้ปัญญาประดิษฐ์ช่วยจัดหมวดหมู่และวิเคราะห์หลักฐาน (7) เข้ารหัสข้อมูลตาม “NIST PDPA และ GDPR” และ (8) ตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลร่วมภาคยุติธรรม เพื่อสนับสนุนงบประมาณแบบก้าวหน้าและความร่วมมือ ข้อเสนอเชิงนโยบายเน้นการตรากฎหมายรองรับเลขคดีมาตรฐาน บังคับใช้กระบวนการไร้เอกสาร และยกระดับเป็นศูนย์ข้อมูลกลางยุติธรรมระดับจังหวัด
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
กานต์ ศรีสุวรรณ. (2564). กระบวนการตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานดิจิทัล: การวิเคราะห์เพื่อพัฒนาเชิงนโยบาย. (ศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิต, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย).
ธิติพงศ์ ภิวัฒน์วุฒิกุล. (2561). ปัญหาทางกฎหมายเกี่ยวกับการบริหารจัดการข้อมูล เทคโนโลยีสารสนเทศกระบวนการยุติธรรม. วารสารวิชาการคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ, 8(2), 66–81.
ยุคลธร เพ็ญโรจน์. (2566). การพัฒนารูปแบบข้อมูลเพื่อเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมทางอาญาสำหรับเด็กและเยาวชนของประเทศไทย. วารสารสังคมศาสตร์และวัฒนธรรม, 7(7), 108–119.
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ. (2567). คู่มือนักวิจัย (ฉบับปรับปรุง). กรุงเทพฯ: สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ.
สำนักงานกิจการยุติธรรม. (2566). One-Page Concept Paper: การบริหารจัดการข้อมูลประวัติผู้กระทำผิดของกอง ทะเบียนประวัติอาชญากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ. สืบค้นจาก https://www.oja.go.th/wp-content/uploads/2023/04/02_One-Page-Concept-Paper-ยธส.13_กาสะลอง-1.pdf.
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุบลราชธานี. (2566). อุบลฯ จัดโครงการ: การรักษาความมั่นคงของชาติและความปลอดภัยของประชาชน การป้องกันและแก้ไขปัญหาอาชญากรรมในชุมชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566. สืบค้นจาก https://ubonratchathani.prd.go.th/th/content/category/detail/id/33/iid/165568?.
สำนักงานอัยการสูงสุด. (2566). รายงานประจำปี ปี 66 สำนักงานอัยการสูงสุด. สืบค้นจาก https://fliphtml5.com/ccsfj/chxc//.
Flyvbjerg, B. (2006). Five misunderstandings about case-study research. Qualitative Inquiry, 12(2), 219–245.
Janssen, M., & van der Voort, H. (2016). Adaptive governance: Towards a stable, accountable and responsive government. Government Information Quarterly, 33(1), 1–5.
Kettunen, P., & Kallio, J. (2021). Data-driven management in the public sector: Contextual drivers and barriers. Government Information Quarterly, 38(3), 101598.
Lincoln, Y. S., & Guba, E. G. (1985). Naturalistic inquiry. California: Sage Publications.
Organisation for Economic Co-operation and Development (OECD). (2020). The OECD digital government policy framework: Six dimensions of a digital government. Paris: OECD Publishing.
Organisation for Economic Co-operation and Development (OECD). (2024). Towards Effective Governance of Justice Data. Paris: OECD Publishing.
Pérez, C., López, I., & López, F. (2025). Blockchain-Based Evidence and Legal Validity: Reformulating Norms for Decentralized Justice Systems. Rechtsnormen: Journal of Law, 3(2), 180-189.
Simshaw, D. (2024). Interoperable Legal AI for Access to Justice. The Yale Law Journal Forum, 134, 795.
United Nations Office on Drugs and Crime (UNODC). (2021). Digital transformation of the judiciary: Policy approaches and case studies from across the world. Vienna, Austria: United Nations.
United Nations Office on Drugs and Crime (UNODC). (2023). Guidelines for the governance of statistical data in crime and criminal justice systems. Retrieved from https://www.unodc.org/documents/data-and-analysis/statistics/Statistical_guidelines_governance.pdf.
United States Department of Justice, Office of Legal Policy. (2024). Artificial intelligence and criminal justice: Final report. Retrieved from https://www.justice.gov/olp/media/1381796/dl.
Weber, K., Otto, B., & Österle, H. (2009). One size does not fit all---a contingency approach to data governance. Journal of Data and Information Quality, 1(1), 1-27.
Yin, R. K. (2018). Case study research and applications: Design and methods. (6th ed.). Thousand Oaks, C.A.: Sage.