https://so16.tci-thaijo.org/index.php/RJPA/issue/feed วารสารรามคำแหง ฉบับรัฐประศาสนศาสตร์ 2024-04-12T12:21:52+07:00 รองศาสตราจารย์สิทธิพันธ์ พุทธหุน [email protected] Open Journal Systems <p><strong>วารสารรามคำแหง ฉบับรัฐประศาสนศาสตร์ <br />มีกำหนดออกเผยแพร่ปีละ 3 ฉบับ</strong></p> <p>ฉบับที่ 1 ประจำเดือน มกราคม-เมษายน</p> <p>ฉบับที่ 2 ประจำเดือน พฤษภาคม-สิงหาคม</p> <p>ฉบับที่ 3 ประจำเดือน กันยายน-ธันวาคม</p> <p><strong>นโยบายและขอบเขตการตีพิมพ์ </strong><br />วารสารรามคำแหง ฉบับรัฐประศาสนศาสตร์ เป็นวารสารทางวิชาการที่โครงการหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหงจัดทำขึ้นเพื่อเป็นแหล่งเผยแพร่ผลงานทางวิชาการทั้งในรูปของบทความวิจัย บทความทางวิชาการ บทความปริทรรศน์ของคณาจารย์ นักวิชาการ นักวิจัยและบุคคลทั่วไปทางด้านรัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ และสาขาที่สัมพันธ์ เช่น สังคมวิทยา สังคมวิทยาการเมือง ปรัชญาการเมือง เศรษฐศาสตร์การเมืองสังคมศาสตร์ บริหารธุรกิจ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ การบริหารการศึกษา โดยบทความที่จะได้ตีพิมพ์จะต้องผ่านการพิจารณาแบบ Double blinded จากผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายสถาบันจำนวน 3 คน และรูปแบบจะต้องเป็นไปตามที่วารสารกำหนด<br /><br /></p> <p><strong>ทั้งนี้ วารสารฉบับนี้ เป็นวารสารที่ผ่าน <a href="https://tci-thailand.org/?p=4801">การรับรองคุณภาพของ TCI</a> ประจำปี 2563 (จนถึง 31 ธันวาคม 2567) และอยู่ในฐานข้อมูล TCI วารสารกลุ่มที่ 2</strong> </p> https://so16.tci-thaijo.org/index.php/RJPA/article/view/404 การศึกษาชีวิตประจำวันของกะเหรี่ยงพลัดถิ่นในกรุงเทพมหานคร 2024-03-07T10:55:22+07:00 บัณฑิต สัตย์เพริศพราย [email protected] กมล เผ่าสวัสดิ์ [email protected] เกษม เพ็ญภินันท์ [email protected] <p>การศึกษาเรื่องราวชีวิตประจำวันของกะเหรี่ยงพลัดถิ่นในกรุงเทพมหานคร โดยศึกษาแนวคิดชีวิตประจำวันจากผลงานของ Henri Lefebvre ที่กล่าวถึงแนวคิดการวิเคราะห์ชีวิตประจำวัน รวมถึงแนวคิดคนพลัดถิ่นและวัฒนธรรมข้ามแดนที่มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาชีวิตประจำวันของคนพลัดถิ่นชาวกะเหรี่ยงในสังคมกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นการเก็บข้อมูลจากการสัมภาษณ์ในส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์หัวข้อ “ภาพยนตร์ศิลปะ เรื่อง มะลิ : เรื่องราวชีวิตประจำวันของกะเหรี่ยงพลัดถิ่นในกรุงเทพมหานคร” ของหลักสูตรศิลปกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิต จากการเก็บข้อมูลทั้งทางเอกสารและการสัมภาษณ์แบบเจาะลึกของชาวกะเหรี่ยงที่ทำอาชีพแม่บ้านในกรุงเทพมหานคร โดยได้นำแนวคิดชีวิตประจำวัน (everyday life) และการวิเคราะห์จังหวะ (Rhythmanalysis) ทั้งการวิเคราะห์จังหวะเวลา (Temporal Rhythms), จังหวะเชิงพื้นที่ (Spatial Rhythms) และจังหวะทางสังคม (Social Rhythms) รวมถึงแนวคิดการโยกย้ายถิ่นฐาน คนพลัดถิ่น และวัฒนธรรมข้ามแดน มาวิเคราะห์ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาแนวคิดในการสร้างสรรค์ภาพยนตร์ศิลปะเรื่องดังกล่าว</p> <p> จากการศึกษาพบว่า ชีวิตประจำวันของคนพลัดถิ่นนั้นไม่ได้ซ้ำซาก จำเจ แต่สามารถเคลื่อนไหวไปตามสังคมรอบตัว เช่น ตารางการทำงาน, การเติบโตของเด็กๆ ในบ้าน หรือคำสั่งจากนายจ้าง และคนพลัดถิ่นนั้นจะอยู่ในมโนทัศน์ของคำว่า ‘บ้าน’ ที่ไม่ใช่เป็นเพียงสถานที่ แต่ยังหมายรวมถึงที่พำนักอาศัย ดังนั้นบ้านของคนพลัดถิ่นจึงไม่ได้มีแห่งเดียว แต่มีหลายแห่ง แต่แห่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ‘บ้านในจินตนาการที่เขาตั้งใจปลูกสร้างขึ้นจากเรื่องเล่าของตนเอง ซึ่งแฝงไว้ด้วยความรู้สึกสูญเสียบ้านในถิ่นฐานเดิมในขณะเดียวกัน ‘บ้านในจินตนาการ’ ทำให้บรรดาคนพลัดถิ่นสามารถนิยาม ‘รากเหง้า’ ซึ่งเป็นที่มา และค้นหา ‘เส้นทาง’ ซึ่งเป็นที่ไป สำหรับการตั้งรกรากถิ่นฐานใหม่</p> 2024-04-12T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 บัณฑิต สัตย์เพริศพราย, กมล เผ่าสวัสดิ์, เกษม เพ็ญภินันท์ https://so16.tci-thaijo.org/index.php/RJPA/article/view/405 การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ของรัฐบาลไทย 2024-03-07T11:10:26+07:00 วิโรจน์ ก่อสกุล [email protected] <p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวิธีการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ของรัฐบาลไทย เพื่อนำองค์ความรู้ที่ได้จากการศึกษาไปเผยแพร่ต่อสาธรณะ จากการศึกษา พบว่านับแต่มีพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 และแนวทางปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ 9 พฤษภาคม 2566 ใช้บังคับแก่หน่วยงานของรัฐทุกหน่วย โดยบรรดาการใดๆ ที่กำหนดให้ต้องขออนุญาตต่อผู้อนุญาต ผู้ขออนุญาตจะเลือกยื่นคำขออนุญาตดังกล่าวรวมถึงนำส่งเอกสารหลักฐานหรือสำเนาเอกสารหลักฐานประกอบคำขออนุญาตต่อผู้อนุญาตโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ และให้ถือว่าการยื่นคำขออนุญาตนั้นเป็นการชอบด้วยกฎหมายนั้น ๆ แล้ว เป็นวิธีการปฏิบัติที่เหมาะสมกับสถานการณ์โลกในปัจจุบันที่มีการแข่งขันสูงขึ้นในทุกๆ ด้าน สอดคล้องกับแนวคิดการบริการสาธารณะแนวใหม่ แนวคิดการปฏิรูประบบราชการ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย&nbsp; แผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทย แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัฐสภา ทั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและสอดคล้องกับเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว</p> 2024-04-12T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วิโรจน์ ก่อสกุล https://so16.tci-thaijo.org/index.php/RJPA/article/view/411 Ethical Governance in the Next Decade: Key Attributes for Effective Political Leadership 2024-03-07T11:53:54+07:00 Waiphot Kulachai [email protected] Duangruedee Eaosinsup [email protected] <p>บทความวิชาการนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อค้นหาคุณลักษณะของภาวะผู้นำของนักการเมืองที่ประชาชนปรารถนา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณลักษณะของภาวะผู้นำที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานในบริบททางวัฒนธรรม สังคม และการเมืองที่แตกต่างกัน เช่น ความซื่อสัตย์ ความโปร่งใส ประสบการณ์ วิสัยทัศน์ ทักษะการสื่อสาร ความเห็นอกเห็นใจ และการประพฤติตนอย่างมีคุณธรรมจริยธรรม โดยบทความนี้เป็นการสังเคราะห์ผลการวิจัยจากบริบทที่หลากหลาย ผลการศึกษา ค้นพบว่า คุณลักษณะที่สำคัญของภาวะผู้นำของนักการเมืองที่ประชาชนต้องการประกอบด้วย ความซื่อสัตย์สุจริต ความโปร่งใส ความรับผิดชอบ ประสบการณ์ความรู้ วิสัยทัศน์ กลยุทธ์ ความเห็นอกเห็นใจ ความเมตตา และการประพฤติตนอย่างมีจริยธรรม ผลการศึกษาในครั้งนี้จึงมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการนำไปเป็นแนวทางในการประยุกต์ใช้เพื่อในกระบวนการฝึกอบรมภาวะผู้นำทางการเมือง กระบวนการคัดเลือกผู้สมัครของพรรคการเมือง มาตรการด้านการสร้างความรับผิดชอบ และการตัดสินทางการเมือง ซึ่งในที่สุดแล้วจะส่งผลให้การปกครองมีธรรมาภิบาลและโปร่งใส นอกจากนี้ ผลการวิเคราะห์ยังมีส่วนช่วยในการนำเสนอกรอบการทำงานแบบบูรณาการและสร้างแรงจูงใจในการทำวิจัยเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนความเข้าใจผลกระทบของภาวะผู้นำของนักการเมือง การรับรู้ของสาธารณะ และประสิทธิภาพโดยรวมของผู้นำ แม้ว่าคุณสมบัติที่กล่าวมาข้างต้นจะได้รับการยอมรับว่าเป็นที่ต้องการจากประชาชน แต่การวิจัยเชิงประจักษ์เพิ่มเติมก็มีความสำคัญต่อการประเมินวิธีการปลูกฝังคุณสมบัติเหล่านี้ในแต่ละบริบทของสังคมและวัฒนธรรม</p> 2024-04-12T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 Waiphot Kulachai, Duangruedee Eaosinsup https://so16.tci-thaijo.org/index.php/RJPA/article/view/423 ภาพยนตร์ใน Netflix กับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษด้วยตนเอง 2024-03-13T10:10:58+07:00 วิสาขา เทียมลม [email protected] <p><strong>บทคัดย่อ<br /></strong> บทความวิชาการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา กระบวนการการเรียนรู้ภาษาอังกฤษด้วยตนเอง ด้วยภาพยนตร์ใน Netflix ภายใต้หลักการ Passion – based Learning / Space Repetition / Pronunciation และ Image Mnemonics เพื่อแสดงถึงขั้นตอนการฝึกฝนทักษะการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียนภาษาอังกฤษ โดยใช้ฉากในภาพยนตร์ประกอบการฝึกฝน ทำให้ผู้ชมเรียนรู้ภาษาอังกฤษอย่างเพลินเพลิน วิธีวิทยาที่ใช้ในการศึกษา คือ การรวบรวมข้อมูลจากเอกสาร งานวิจัยต่างๆ ร่วมกับการยกตัวอย่างฉากในภาพยนตร์เรื่อง john Wick 3 เพื่ออธิบายตามกระบวนการเรียนรู้ภาษาอังกฤษด้วยตนเอง ผลการศึกษาพบว่า กระบวนการการเรียนรู้ภาษาอังกฤษด้วยตนเอง ด้วยสื่อภาพยนตร์ใน Netflix มี 4 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นที่ 1 เลือกภาพยนตร์และฉากที่ชื่นชอบ เพื่อเรียนรู้ที่ตรงตาม Passion ของผู้เรียนแต่ละคน ตามหลัก Passion – based Learning ขั้นที่ 2 จดคำศัพท์ที่น่าสนใจ เพื่อทบทวนซ้ำๆ ตามหลัก Space Repetition และใช้หลัก Image Mnemonics เพื่อจดจำและเรียนรู้คำศัพท์ วลี และประโยคจากฉากในภาพยนตร์ใน Netflix ผ่านอารมณ์ของนักแสดง และอารมณ์นั้น ๆ สะท้อนกลับมาที่ผู้ชม เกิดเป็นความรู้สึกร่วมกับภาพยนตร์ สร้างเป็นรหัสเป็นภาพในใจด้วยการเชื่อมโยงการรับรู้กับสื่อภาพยนตร์ ขั้นที่ 3 ฝึกออกเสียงตาม โดยใช้หลักการ Pronunciation / Space Repetition และ Image Mnemonics และขั้นที่ 4 ฝึกสร้างประโยคของตัวเองขึ้นมาโดยตั้งต้นจากคำศัพท์ วลี หรือประโยคที่ได้เรียนรู้ในฉากนั้น ๆ แล้วฝึกพูดซ้ำ เพื่อประยุกต์ใช้ในการสื่อสารบริบทต่าง ๆ ได้ ดังนั้น ภาพยนตร์ใน Netflix สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการฝึกฝนทักษะการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียนภาษาอังกฤษด้วยตนเองได้อย่างเพลิดเพลินและไม่จำกัด</p> 2024-04-12T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วิสาขา เทียมลม https://so16.tci-thaijo.org/index.php/RJPA/article/view/406 พรรคการเมืองไทยกับการจัดสรรเงินสนับสนุนพรรคตามกรอบรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540-2560 2024-03-07T11:18:35+07:00 จิตติมาภรณ์ ฉายสุวรรณ์ [email protected] <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา (1) การพัฒนาการจัดสรรเงินสนับสนุนพรรคการเมืองไทย (2) เปรียบเทียบการจัดสรรเงินสนับสนุนพรรคการเมืองไทย &nbsp;และ (3) แนวโน้มและทิศทางการจัดสรรเงินสนับสนุนพรรคการเมืองไทยตามกรอบรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540-2560 &nbsp;หน่วยในการวิเคราะห์ที่เลือกแบบเจาะจง โดยใช้การวิจัยจากพรรคการมือง 3 ขนาด</p> <p>&nbsp; ผลการวิจัยพบว่า พรรคขนาดใหญ่ ไม่ได้พึ่งพาเงินสนับสนุนมาก นัก แต่พึ่งพาเงินบริจาคและเงินจากการทำกิจกรรมของพรรคเพื่อระดมทุน &nbsp;ส่วน พรรคขนาดกลางพึ่งพาเงินสนับสนุน เงินบริจาคและเงินจัดทำกิจกรรมภายในพรรคทุกอย่างให้พอมีเงินทุนใช้ในการหาผลประโยชน์และนำมาพัฒนาศักยภาพของพรรค&nbsp; สำหรับพรรคขนาดเล็กพึ่งพาเงินสนับสนุนอย่างเดียว เพื่อหาผลประโยชน์มากกว่านำมาพัฒนาศักยภาพของพรรค</p> 2024-04-12T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 จิตติมาภรณ์ ฉายสุวรรณ์ https://so16.tci-thaijo.org/index.php/RJPA/article/view/407 อาเซียนกับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค 2024-03-07T11:25:46+07:00 วราภรณ์ จุลปานนท์ [email protected] <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; การวิจัยเรื่องอาเซียนกับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค มีจุดประสงค์สำคัญคือ (1) ศึกษาจุดประสงค์ของอาเซียนในการจัดตั้งหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) (2) ศึกษาปัญหา อุปสรรค และโอกาสของอาเซียนในการจัดตั้งหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค และ (3) เพื่อศึกษาแนวทางดำเนินการของอาเซียนเพื่อให้หุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคบรรลุผล ใช้รูปแบบการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยรวบรวมข้อมูลจากเอกสารสิ่งพิมพ์ออนไลน์ อินเทอร์เน็ต และยูทูป รวมทั้งข้อมูลที่ได้จากการประชุมระดับชาติ โดยการสังเกตอย่างมีส่วนร่วม ผลการวิจัยพบว่า1) การจัดตั้งหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคของอาเซียนเป็นไปตามกฎบัตรอาเซียน แผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 2025 และวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน 2025 เพื่อบูรณาการกับระบบเศรษฐกิจโลกและบรรลุถึงการเป็นแกนกลางของสถาปัตยกรรมความร่วมมือในภูมิภาคที่เปิดกว้าง 2) อุปสรรคสำคัญของอาเซียนในการจัดตั้งอาร์เซ็ปก็คือ ความหลากหลาย และความแตกต่างในระดับการพัฒนาเศรษฐกิจของสมาชิกและความเห็นที่ต่างกันในการเปิดตลาดเสรี โดยเฉพาะอินเดีย ส่วนโอกาสคืออาเซียนจะเป็นกลุ่มที่มีพลวัตรทางการค้าสูง ปริมาณการค้าระหว่างสมาชิกเพิ่มมากขึ้น และ 3) อาเซียนจัดตั้งคณะกรรมการเจรจาการค้า (อาร์เซ็ป) เพื่อเป็นกลไกในการเจรจาโดยไทยมีบทบาทสำคัญในการสรุปการเจรจา ในคราวประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 34-35 ใน ค.ศ.2019 ที่กรุงเทพฯ ซึ่งไทยเป็นประธาน สุดท้าย ความตกลงอาร์เซ็ปได้รับการลงนามแล้วเมื่อ ค.ศ.2020 ที่เวียดนาม และความตกลงนี้มีผลบังคับใช้ใน ค.ศ.2022&nbsp;</p> 2024-04-12T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วราภรณ์ จุลปานนท์ https://so16.tci-thaijo.org/index.php/RJPA/article/view/413 การวิเคราะห์นโยบายการรับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พ.ศ. 2554-2557 2024-03-08T21:01:21+07:00 เกรียงไกร ทองจิตติ [email protected] <p>การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษานโยบายการรับจำนำข้าวในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์&nbsp; ชินวัตร ช่วงปี พ.ศ. 2554-2557&nbsp; (2) ศึกษาการนำนโยบายการรับจำนำข้าวไปปฏิบัติของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พ.ศ.2554-2557&nbsp; (3) ศึกษาและวิเคราะห์ความล้มเหลวของนโยบายการรับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์&nbsp; ชินวัตร พ.ศ.2554-2557&nbsp; โดยใช้วิธีการศึกษาจากเอกสารและการวิเคราะห์เนื้อหาจากเอกสารเหล่านั้น</p> <p>ผลการวิจัยครั้งนี้มีข้อค้นพบโดยสรุปดังนี้&nbsp; (1) นโยบายการรับจำนำข้าวถูกกำหนดขึ้นมา โดยผู้บริหารของพรรคเพื่อไทย ตามนโยบาย แบบประชานิยมที่ใช้ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 โดยรัฐบาลรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรโดยตรงในราคาที่สูงกว่าตลาด&nbsp;&nbsp; ซึ่งในการกำหนดนโยบายการรับจำนำข้าวและกระบวนการนำนโยบายไปปฏิบัติมีความชัดเจนและมีการมอบหมายตามระดับนโยบาย จากคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติลงไปถึงระดับผู้ปฏิบัติ (2) การนำนโยบายการรับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตรไปปฏิบัติ มีปัญหาด้านการบริหารจัดการนับตั้งแต่หน่วยงานที่รับผิดชอบได้แก่ คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวง เกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทย ที่บกพร่องหลายประการ เช่น การไม่จัดทำบัญชี การขายข้าวโดยระบบพรรคพวกและการทุจริตในการขายข้าว เป็นต้น&nbsp; (3) ความผิดพลาดด้านนโยบาย คือความผิดพลาดในการตั้งราคารับจำนำไว้สูงกว่าราคาตลาดโลก และการเก็งกำไรราคาตลาดโลกทำให้การส่งออกลดลง การจำนำทุกเม็ดโดยไม่จำกัดงบประมาณและการเก็งกำไรจากราคาข้าวโดยการผูกขาดตลาดข้าวส่งออก ส่วนความบกพร่องในระดับการบริหารจัดการ ได้แก่ การเจตนาไม่สั่งการให้หน่วยงานรัฐจัดทำบัญชีการซื้อขายและการรับมอบและจำหน่ายข้าวจากโกดังกลาง ทำให้เกิดการทุจริตในทุกระดับ การปกปิดตลอดจนการเจตนาปิดบังข้อมูลและให้ข้อมูลเท็จ</p> <p>ยิ่งไปกว่านั้น&nbsp; นโยบายการรับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์&nbsp; ชินวัตร&nbsp; ยังส่งผลกระทบต่อ เศรษฐกิจและสังคม ทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อชาวนา ที่พบคือการฆ่าตัวขายของชาวนา ซึ่งเกิดจากความตึงเครียดจากภาระหนี้สิน&nbsp; และความล่าช้าในการจ่ายเงินค่าจำนำข้าวให้กับชาวนาเป็นจำนวนหลายราย</p> 2024-04-12T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 เกรียงไกร ทองจิตติ https://so16.tci-thaijo.org/index.php/RJPA/article/view/398 การพัฒนาตนเองผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-learning) ของสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม 2024-03-06T11:20:40+07:00 เสาวณีย์ บุญสูง [email protected] วีณา พึงวิวัฒน์นิกุล [email protected] เฉลิมพล ศรีหงษ์ [email protected] <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) รูปแบบการพัฒนาตนเองผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-learning) 2) แนวทางการพัฒนาตนเองของบุคลากร 3) ระดับการพัฒนาตนเองของบุคลากร 4) ผลกระทบของปัจจัยต่างๆ ที่มีต่อการพัฒนาตนเองของบุคลากร โดยเลือกสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม เป็นกรณีศึกษา ใช้วิธีวิจัยเชิงปริมาณ ผลการศึกษาพบว่า 1) รูปแบบการพัฒนาตนเองผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-learning) ทั้ง 5 ด้านโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ด้านคุณสมบัติส่วนตัวความเชื่อ 2) แนวทางการพัฒนาตนเองของบุคลากรสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้แก่ การศึกษาหาความรู้อย่างสม่ำเสมอ โดยการเรียนรู้ด้วยตนเอง เข้าเรียนหลักสูตรวิชาที่สนใจผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-learning)3) ระดับการพัฒนาตนเองของบุคลากรสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม มีการพัฒนาตนเองอยู่ในระดับมาก 4) การศึกษา การฝึกอบรม และการพัฒนามีผลกระทบต่อการพัฒนาตนเองของบุคลากรสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม</p> 2024-04-12T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 เสาวณีย์ บุญสูง, วีณา พึงวิวัฒน์นิกุล, เฉลิมพล ศรีหงษ์ https://so16.tci-thaijo.org/index.php/RJPA/article/view/394 การดำเนินงานด้านการจัดหางานที่ส่งผลต่อผู้ว่างงานในประเทศไทย 2024-03-06T11:25:11+07:00 ธันยพร พลรัตน์ [email protected] ศุภัทรา อำนวยสวัสดิ์ [email protected] <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการดำเนินงานด้านการจัดหางานที่ส่งผลต่อผู้ว่างงานในประเทศไทย ศึกษาปัญหา อุปสรรค และศึกษาแนวทางในการแก้ปัญหาการดำเนินงานด้านการจัดหางาน ของกรมการจัดหางาน โดยการวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพ ซึ่งรวบรวมข้อมูลจากฐานข้อมูลทะเบียนของกรมการจัดหางานเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพรรณนาและวิเคราะห์การถดถอย และรวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อวิเคราะห์เชิงเนื้อหาและหาข้อสรุปจากแนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง ผลการวิจัยพบว่า การดำเนินงานด้านการจัดหางานของกรมการจัดหางานที่ส่งผลให้ผู้ว่างงานลดลง ได้แก่ การให้บริการจัดหางานในต่างประเทศ และการแนะแนวอาชีพและส่งเสริมอาชีพ เมื่อจำแนกตามกิจกรรมย่อย พบว่า การให้บริการข้อมูลข่าวสารโดยแผ่นพับ/เอกสารเผยแพร่ การประกาศตำแหน่งงานว่าง การแนะแนวอาชีพเพื่อการมีงานทำ การให้บริการจัดหางานของศูนย์บริการจัดหางานเพื่อคนไทย และการจัดหางานเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตส่งผลให้ผู้ว่างงานลดลง ในส่วนของปัญหา และอุปสรรคจากการดำเนินงานพบว่า โดยส่วนใหญ่ผู้รับบริการรับข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ต การแนะแนวอาชีพก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน และการจัดหางานเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ส่วนผู้รับบริการจัดหางานในต่างประเทศโดยวิธีกรมการจัดหางานจัดส่งมีเพียงร้อยละ 16.37 และหน่วยงานภายใต้สังกัดกรมการจัดหางานที่มีผลการปฏิบัติงานไม่เป็นไปตามเป้าหมายมีจำนวนทั้งสิ้น 14 หน่วยงาน สามารถนำแนวคิดการประเมินผลนโยบายมาใช้เป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาการปฏิบัติงาน</p> 2024-04-12T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 ธันยพร พลรัตน์, ศุภัทรา อำนวยสวัสดิ์ https://so16.tci-thaijo.org/index.php/RJPA/article/view/395 “โคก หนอง นา โมเดล” บ้านหนองกระทุ่มนอก ตำบลมาบโป่ง อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี 2024-03-06T11:29:47+07:00 พัชราภรณ์ เกียนนอก [email protected] ณัฐพงศ์ บุญเหลือ [email protected] <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาผลการดำเนินงานของโครงการ “โคก หนอง นา โมเดล” บ้านหนองกระทุ่มนอก และ(2) เพื่อศึกษาปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานของโครงการ “โคก หนอง นา โมเดล” บ้านหนองกระทุ่มนอก ใช้การศึกษาการวิจัยแบบผสม ประกอบด้วยการใช้แบบสอบถามตามรูปแบบการประเมินแบบ CIPP Model จาก 37 คน และผู้ให้ข้อมูลสำคัญ 7 คน ผลการศึกษาพบว่า 1) ผลการดำเนินงานในภาพรวมของโครงการทั้ง 4 ด้านอยู่ในระดับมากที่สุด 2) ปัญหาอุปสรรค ได้แก่ ข้อจำกัดด้านบุคลากรของสำนักงานพัฒนาชุมชนที่ไม่มีความเชี่ยวชาญด้านการเกษตรโดยตรง ข้อจำกัดของแบบแปลนมาตรฐานที่กำหนดไว้ไม่ยืดหยุ่น ไม่เหมาะกับบริบทพื้นที่ ข้อจำกัดด้านงบประมาณที่มีเพียงงบประมาณการขุดปรับพื้นที่แต่ไม่มีงบประมาณสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ ข้อเสนอแนะ ได้แก่ ด้านบุคลากรและหน่วยงานที่รับผิดชอบควรร่วมกันทำงานแบบบูรณาการตามความเชี่ยวชาญ ด้านงบประมาณควรมีงบประมาณสนับสนุนด้านวัสดุอุปกรณ์ หรือพันธุ์พืช ฯลฯ และควรมีงบประมาณเป็นรายปีในช่วงระยะสัญญา 5 ปี สำหรับแปลงที่มีผลการดำเนินงานดีด้วย การขุดปรับพื้นที่ควรมีความยืดหยุ่นโดยพิจารณาตามบริบทของพื้นที่แต่ละแปลง เพื่อให้เกิดการใช้งบประมาณและการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด</p> 2024-04-12T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 พัชราภรณ์ เกียนนอก, ณัฐพงศ์ บุญเหลือ https://so16.tci-thaijo.org/index.php/RJPA/article/view/399 การนำนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน 2024-03-06T11:12:37+07:00 เอมอร เสือจร [email protected] รัฐศิรินทร์ วังกานนท์ [email protected] เฉลิมพล ศรีหงษ์ [email protected] <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบ ปัญหา อุปสรรค และแนวทางพัฒนาในการนำนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน: กรณีศึกษา กองส่งเสริมและพัฒนาการจัดการศึกษาท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ซึ่งเป็นการศึกษาวิจัยเชิงคุณภาพ ใช้วิธีวิจัยเอกสารและวิจัยสนาม เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจัยกรณีศึกษาครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ใช้ วิธีการสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง จากผู้ให้ข้อมูลหลัก จำนวน 5 คน เป็นบุคลากรในสังกัดกองส่งเสริมและพัฒนาการจัดการศึกษาท้องถิ่น จากการศึกษาพบว่า นวัตกรรมด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่นำมาใช้ในการปฏิบัติงาน ได้แก่1) เครื่องมือหรือฮาร์ดแวร์ 2) ซอฟต์แวร์ ได้แก่ ซอฟต์แวร์ระบบ และซอฟต์แวร์ประยุกต์ สำหรับปัญหาและอุปสรรคที่พบ ได้แก่ หน่วยงานไม่มีการสนับสนุนเครื่องมือ หรือวัสดุอุปกรณ์ที่เหมาะสมในการปฏิบัติงาน ขาดการมีส่วนร่วมและการวางแผนร่วมกันของหน่วยงานภายในทุกระดับ ทำให้งานมีความซ้ำซ้อน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการปิดกั้นข้อมูลทำให้ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นต้องใช้ในการปฏิบัติงาน กฎหมาย ระเบียบไม่เอื้อต่อการนำนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ เป็นต้น โดยมีแนวทางในการพัฒนาคือ ผู้มีอำนาจในการกำหนดนโยบายควรให้ความสำคัญกับการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของบุคลากร จัดหาเครื่องมือและคอมพิวเตอร์ ระบบปฏิบัติการต่าง ๆ ที่ทันสมัยมาใช้เพื่อให้การทำงานมีความสะดวก รวดเร็ว และจัดฝึกอบรมให้ความรู้แก่บุคลากร Upskill Reskill ตั้งแต่ระดับผู้บริหารและระดับผู้ปฏิบัติ และพัฒนาระบบการจัดเก็บข้อมูลที่สามารถใช้งานได้ร่วมกันทั้งระบบ และสามารถเชื่อมโยงข้อมูลไปสู่หน่วยงานภายนอกเพื่อลดขั้นตอนในการรายงานข้อมูล</p> 2024-04-12T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 เอมอร เสือจร, รัฐศิรินทร์ วังกานนท์, เฉลิมพล ศรีหงษ์ https://so16.tci-thaijo.org/index.php/RJPA/article/view/397 ความท้าทายในการปฏิบัติงานด้านการปราบปรามการกระทำความผิด ในการปลูกสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ 2024-03-06T11:31:56+07:00 เกรียงไกร เจนพิชัย [email protected] ศิริลักษม์ ตันตยกุล [email protected] <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษากระบวนการปฏิบัติงาน ปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติงาน และแนวทางในการปรับปรุงแก้ไขปัญหาในการดำเนินงานของสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 ด้านการปราบปรามการกระทําความผิดในการปลูกสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ ซึ่งเป็นการศึกษาเชิงคุณภาพ ใช้วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างจากผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน 7 คน ผลการศึกษาพบว่า ในกระบวนการในการปฏิบัติงานจะปฏิบัติตามระเบียบกรมเจ้าท่าว่าด้วยการดำเนินคดีเกี่ยวกับสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ พ.ศ. 2560 โดยจะมี 2 ส่วน คือ การดำเนินคดีอาญา การดำเนินการทางปกครอง ในส่วนของปัญหาและอุปสรรค คือ ปริมาณงานมากเกินไป อัตรากำลังมีน้อยส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง เจ้าหน้าที่ขาดความรู้ ความเชี่ยวชาญ ในการการบังคับใช้กฎหมายให้เกิดประสิทธิภาพ ประชาชนขาดการรับรู้กฎหมายหรือเพิกเฉยต่อกฎหมาย และมีงบประมาณในการดำเนินงานที่จำกัด โดยมีแนวทางในการปรับปรุงแก้ไขปัญหา คือ ปรับเปลี่ยนโครงสร้างเพื่อเพิ่มอัตรากำลังและกำหนดตำแหน่งผู้ปฏิบัติงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะในการดำเนินคดี จัดฝึกอบรมให้ความรู้และฝึกปฏิบัติให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเป็นประจำ ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้กับประชาชนเพื่อลดการกระทำความผิด และเพิ่มงบประมาณสนับสนุนให้สอดคล้องกับปริมาณงาน</p> 2024-04-12T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 เกรียงไกร เจนพิชัย, ศิริลักษม์ ตันตยกุล https://so16.tci-thaijo.org/index.php/RJPA/article/view/396 แนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของบุคลากร กรุงเทพมหานคร 2024-03-06T11:38:10+07:00 ศศิพิมพ์ อ่อนรักษ์ [email protected] วงพักตร์ ภู่พันธ์ศรี [email protected] <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบ วิธีการในการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของบุคลากรกรุงเทพมหานคร : กรณีศึกษาสำนักงานเขตดินแดง รวมถึงศึกษาปัญหาและอุปสรรค ตลอดจนแนวทางการแก้ไขปัญหาและข้อเสนอแนะในการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของบุคลากรสำนักงานเขตดินแดง โดยใช้การวิจัยเชิงคุณภาพ ซึ่งได้เก็บรวบรวมข้อมูล โดยการสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างจากผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน 10 คน ผลการวิจัยพบว่า สำนักงานเขตดินแดง มีรูปแบบและวิธีการในการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของบุคลากรขึ้นอยู่กับด้านลักษณะงานที่ทำ ความมั่นคงในงาน โอกาสก้าวหน้าในการทำงาน หน่วยงานและการจัดการ ค่าจ้าง การฝึกอบรม ลักษณะทางสังคม การติดต่อสื่อสาร สภาพการทำงาน และสิ่งตอบแทนหรือประโยชน์เกื้อกูลต่างๆ ในส่วนของปัญหาและอุปสรรคในการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน ได้แก่ ด้านลักษณะงานที่ทำ ข้าราชการและบุคลากรบางคนมีภาระงานมากจนเกินไป เนื่องจากบุคลากรมีการโอนย้าย ลาออกจากราชการบ่อยครั้ง ทำให้ข้าราชการและบุคลากรในสำนักงานเขตดินแดง ได้รับมอบหมายภาระงานมากจนเกินไป ด้านโอกาสก้าวหน้า ขาดความรู้ ความเข้าใจในการปรับเลื่อนระดับชั้นงานและสอบบรรจุราชการของบุคลากร รวมถึงปัญหาด้านลักษณะทางสังคม ข้าราชการและบุคลากรมีหลายช่วงวัย หลายช่วงอายุ ทำให้มีมุมมองความคิดเห็นที่แตกต่างกัน จึงทำให้มีความคิดเห็นไม่ตรงกัน</p> 2024-04-12T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 ศศิพิมพ์ อ่อนรักษ์, วงพักตร์ ๓ู่พันธ์ศรี