https://so16.tci-thaijo.org/index.php/JPWBRU/issue/feed
พัฒนวนัมรุง มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
2025-06-30T14:24:46+07:00
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จริยาภรณ์ ปิตาทะสังข์
chariyaporn.pt@bru.ac.th
Open Journal Systems
<p>วารสารพัฒนวนัมรุง มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ มีนโยบายการรับตีพิมพ์เผยแพร่บทความครอบคลุมสาขาวิชาหลัก คือ Social Sciences อยู่ใน 3 กลุ่มสาขาวิชา คือ 1) Social Sciences 2) Arts and Humanities และ 3) Cultural Studies และอยู่ใน 4 กลุ่มย่อย คือ 1) Social Development 2) Sociology and Political Sciences 3) Cultural Studies, 4) General Social Sciences มุ่งเน้นองค์ความรู้ด้านการพัฒนาสังคม ผ่านการนำเสนอองค์ความรู้ทางทฤษฎี ผลการวิจัย และการประยุกต์ใช้ความรู้สหศาสตร์ด้านการพัฒนาสังคมอีสาน และภูมิภาคอื่นในมิติวัฒนธรรม การเมือง การบริหารจัดการ เศรษฐกิจ ประวัติศาสตร์ การจัดภาคีเครือข่ายสาธารณะ และการจัดการภาครัฐและเอกชน เพื่อให้เกิดมรรคผลเชิงประจักษ์สามารถนำองค์ความรู้ทางวิชาการไปต่อยอดพัฒนาเป็นข้อเสนอแนะเชิงนโยบายด้านการพัฒนาสังคม สามารถนำไปประยุกต์และปฏิบัติจริง เปิดรับบทความทางวิชาการทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ประเภทบทความวิจัยและบทความวิชาการ จากนักวิชาการ คณาจารย์ นักศึกษา และผู้เชี่ยวชาญทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย โดยผลงานที่เสนอเพื่อตีพิมพ์ จะต้องไม่เคยตีพิมพ์เผยแพร่ที่ใดมาก่อน และต้องไม่อยู่ในระหว่างการเสนอเพื่อพิจารณาตีพิมพ์ในวารสารฉบับอื่น</p>
https://so16.tci-thaijo.org/index.php/JPWBRU/article/view/1320
กฎหมายปกครองกับการขับเคลื่อนการพัฒนาสังคม: แนวทางและความท้าทาย
2025-06-14T14:16:30+07:00
Utis Tahom
arm.utit.tahom@gmail.com
<p>กฎหมายปกครองเป็นเครื่องมือสำคัญในการกำกับการบริหารงานของรัฐ โดยเน้นสร้างความยุติธรรม ความโปร่งใส และความรับผิดชอบในกระบวนการปกครอง หลักการสำคัญของกฎหมายปกครอง ได้แก่ หลักนิติธรรม การปฏิบัติตามกรอบกฎหมายอย่างยุติธรรม การคุ้มครองสิทธิของประชาชน และการป้องกันการใช้อำนาจในทางมิชอบ กฎหมายปกครองมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาสังคม โดยมุ่งสร้างสมดุลระหว่างอำนาจรัฐและสิทธิส่วนบุคคล สนับสนุนผลประโยชน์ส่วนรวมและการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม บทบาทของกฎหมายปกครองในการพัฒนาสังคมครอบคลุมการจัดการบริการสาธารณะ เช่น การศึกษา การดูแลสุขภาพ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน พร้อมส่งเสริมความเท่าเทียมและการเข้าถึงทรัพยากรโดยทั่วถึง นอกจากนี้ กฎหมายปกครองยังช่วยเสริมสร้างความยุติธรรมและความโปร่งใสในระบบราชการ โดยการกำหนดกลไกการตรวจสอบและควบคุมจากศาลปกครองและองค์กรอิสระ เช่น ผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อป้องกันการทุจริตและการเลือกปฏิบัติ ยิ่งไปกว่านั้นกฎหมายปกครองส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตัดสินใจและตรวจสอบการดำเนินงานของรัฐผ่านกระบวนการเปิดเผยข้อมูลและการรับฟังความคิดเห็น การมีส่วนร่วมนี้ช่วยเพิ่มความไว้วางใจในระบบปกครองและสร้างความชอบธรรมในกระบวนการบริหารงานของรัฐ กฎหมายปกครองไม่เพียงทำหน้าที่ควบคุมการใช้อำนาจของรัฐ แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาสังคมที่โปร่งใส ยั่งยืน และยุติธรรม โดยการเชื่อมโยงระหว่างการบริหารงานของรัฐและผลประโยชน์ของประชาชนในทุกระดับ</p>
2025-06-30T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2025 พัฒนวนัมรุง มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
https://so16.tci-thaijo.org/index.php/JPWBRU/article/view/1371
การสื่อสารเพื่อสร้างความร่วมมือในการส่งเสริมกิจกรรมผู้สูงอายุ ผ่านการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น: กรณีหมอลำสินไซ
2025-05-04T15:09:23+07:00
Sunthonchai Chopyot
schopyot@gmail.com
<p>การพัฒนาเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุมีความสำคัญที่ต้องเห็นคุณค่าในตัวผู้สูงอายุ ผ่านการพัฒนามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมและการสื่อสาร เพื่อสร้างความร่วมมือให้เกิดการพัฒนากิจกรรมผู้สูงอายุโดยการใช้วัฒนธรรมเป็นฐาน บทความนี้สะท้อนภาพปัญหาในการอนุรักษ์หมอลำสินไซและกิจกรรมของผู้สูงอายุและการใช้กระบวนการสื่อสารผ่านกระบวนการวิจัยปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม ผ่านเครือข่ายกลุ่มผู้สูงอายุและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับพื้นที่ทั้งการสื่อสารเพื่อการพัฒนาก่อให้เกิดการรื้อฟื้นและสร้างการรับรู้คุณค่าของหมอลำสินไซในพื้นที่ เกิดกลไกการทำกิจกรรมของกลุ่มอนุรักษ์หมอลำสินไซอย่างต่อเนื่อง การสร้างมูลค่าให้กับมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมหมอลำสินไซ การพัฒนาแหล่งเรียนรู้ชุมชนหรืออุทยานการเรียนรู้สินไซ การทดลองปฏิบัติชุมชนเพื่อการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม การประยุกต์สินไซผ่านสื่อการสอน (สมุดวาดภาพระบายสีสินไซและการประยุกต์ผ่านเกม) ทั้งนี้มีผลกระทบที่เกิดขึ้นคือ ผลกระทบทางนโยบายผ่านการขยายผลทางวัฒนธรรมของหน่วยทางนโยบาย ผลกระทบทางสังคมและวัฒนธรรมผ่านการรวมกลุ่มและการพัฒนากลไกกลุ่มอนุรักษ์ฯ ผลกระทบทางวิชาการ เกิดการเรียนรู้การวิจัยรับใช้สังคมและก่อให้เกิดการสื่อสารทางวิชาการ และการเปิดพื้นที่การเรียนรู้หมอลำสินไซผ่านการสื่อสารสาธารณะในหลายระดับ</p>
2025-06-30T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2025 พัฒนวนัมรุง มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
https://so16.tci-thaijo.org/index.php/JPWBRU/article/view/1483
จากบริบทสู่การแสดง: กระบวนการสรรหาเอกลักษณ์ชุมชนเพื่อสร้างสรรค์การแสดงประกอบแสงสีเสียง
2025-06-13T10:57:53+07:00
Kittiphong Phontip
kittiphontip1987@hotmail.com
<p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างสรรค์การแสดงแสงสีเสียงเพื่อนำเสนอเอกลักษณ์ของชุมชน และศึกษาข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการแสดงแสงสีเสียงเพื่อนำเสนอเอกลักษณ์ของชุมชนตำบลหนองบัว อำเภออาจสามารถ จังหวัดร้อยเอ็ด โดยการระดมความคิดจากผู้ให้ข้อมูลหลักจำนวน 12 คน และการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้ให้ข้อมูลหลักจำนวน 10 คน ผลการวิจัย พบว่า การสร้างสรรค์การแสดงแสงสีเสียงเพื่อนำเสนอเอกลักษณ์ของชุมชน มีกระบวนการ 3 ขั้นตอน ได้แก่ขั้นตอนการเตรียมการแสดง เป็นการประชุมเพื่อคัดเลือกเอกลักษณ์ชุมชน ประกอบด้วยภูมินามชุมชน อาชีพของชุมชน รวมไปถึงประเพณีและศิลปะการแสดงของชุมชน ขั้นตอนการดำเนินการ และขั้นตอนการแสดงจริง สำหรับข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการแสดงแสงสีเสียงพบว่าประชาชนมีความประทับใจ และภาคภูมิใจในการแสดง ต้องการให้มีการแสดงอีกครั้งในโอกาสอื่น</p>
2025-06-30T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2025 พัฒนวนัมรุง มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
https://so16.tci-thaijo.org/index.php/JPWBRU/article/view/1307
การสร้างความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย เพื่อลดภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กของเด็กปฐมวัย ตำบลเหล่าเสือโก้ก อำเภอเหล่าเสือโก้ก จังหวัดอุบลราชธานี
2025-06-13T11:19:20+07:00
Nongkar saengchot
narak200721@gmail.com
<p>การวิจัยเรื่อง “การสร้างความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย เพื่อลดภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กของเด็กปฐมวัยตำบลเหล่าเสือโก้ก อำเภอเหล่าเสือโก้ก จังหวัดอุบลราชธานี” มีเป้าหมายเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหาภาวะโลหิตจางในเด็กและค้นหาแนวทางแก้ไขโดยการสร้างความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายในชุมชน โดยใช้การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (PAR) เก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์เจาะลึก การสนทนากลุ่ม การลงพื้นที่ภาคสนาม จัดเวทีร่วมกับผู้มีส่วนได้เสีย ได้แก่ ผู้ปกครอง เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ข้าราชการเกษียณ อาสาสมัครสาธารณสุข พระสงฆ์ เป็นต้น ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่าภาวะโลหิตจางในเด็กส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากการบริโภคอาหารที่ขาดธาตุเหล็ก ข้อจำกัดทางเศรษฐกิจ และการขาดความรู้ด้านโภชนาการในครัวเรือน การวิจัยนี้ได้บูรณาการความร่วมมือจากหลากหลายภาคส่วน เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนในระดับชุมชน ผลการศึกษาพบว่า อาสาสมัครสาธารณสุขมีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่ความรู้ด้านโภชนาการและการส่งเสริมการปลูกผักที่มีธาตุเหล็กในครัวเรือน พระสงฆ์ช่วยเผยแพร่ความรู้ผ่านการเทศนาและกิจกรรมทางศาสนา ผู้นำชุมชนมีบทบาทในการประสานความร่วมมือและสนับสนุนการจัดกิจกรรมเสริมสร้างโภชนาการในโรงเรียน ผลลัพธ์ของโครงการชี้ให้เห็นถึงการลดระดับภาวะโลหิตจางในเด็กอย่างมีนัยสำคัญ เด็กในพื้นที่มีสุขภาพแข็งแรงขึ้น สมาธิดีขึ้น และมีพัฒนาการด้านการเรียนรู้ที่ดีขึ้น การวิจัยนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการสร้างความร่วมมือในชุมชนและสามารถใช้เป็นต้นแบบในการแก้ไขปัญหาภาวะโลหิตจางในพื้นที่อื่นที่มีปัญหาคล้ายคลึงกันได้อย่างยั่งยืน</p>
2025-06-30T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2025 พัฒนวนัมรุง มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
https://so16.tci-thaijo.org/index.php/JPWBRU/article/view/1580
การขับเคลื่อนสวัสดิการชุมชนของผู้สูงอายุเทศบาลตำบลหนองเต็ง อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์
2025-06-14T14:16:05+07:00
Naipaporm Mokthaisong
650112801085@bru.ac.th
Naipaporn Mokthaisong
650112801085@bru.ac.th
Sasinipa Asakij
650112801102@bru.ac.th
Suphansa Prasongsap
650112801105@bru.ac.th
Sakon Phromasatit
sakon.pt@bru.ac.th
<p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับความต้องการได้รับสวัสดิการสังคมสำหรับผู้สูงอายุในตำบลหนองเต็ง อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ และ 2) ศึกษาข้อเสนอแนะนโยบายที่เกี่ยวกับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุที่ไม่ได้รับสวัสดิการอย่างเพียงพอในตำบลหนองเต็ง อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ใช้วิธีการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 323 คน ตามสูตรของ Yamane (1973) และใช้วิธีการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) ใช้แนวคิดการจัดสวัสดิการชุมชนของผู้สูงอายุเป็นกรอบการวิจัย พื้นที่วิจัย คือในเขตเทศบาลตำบลหนองเต็ง อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพื้นฐาน ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า 1) ระดับความต้องการได้รับสวัสดิการสังคมสำหรับผู้สูงอายุในตำบลหนองเต็ง อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ โดยภาพรวมอยู่ในระดับสูงที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.60 ( X= 4.60, <em>S.D.</em> = 0.368) และ 2) ข้อเสนอแนะนโยบายที่เกี่ยวกับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุที่ไม่ได้รับสวัสดิการอย่างเพียงพอในตำบล หนองเต็ง อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ โดยเสนอแนะไว้ว่าเทศบาลตำบลหนองเต็ง อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ จำเป็นต้องมีการบูรณาการความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน เพื่อพัฒนาและส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพอนามัยที่ดีทั้งกายและจิตใจ มีการเรียนรู้ที่นำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน มีความปลอดภัยทั้งทางชีวิตและทรัพย์สิน ตลอดจนได้รับการสนับสนุนและจัดสรรสวัสดิการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง</p>
2025-06-30T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2025 พัฒนวนัมรุง มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์