https://so16.tci-thaijo.org/index.php/JPPJ/issue/feed
วารสารชัยพฤกษ์ภิรมย์
2025-08-11T15:10:13+07:00
รศ.ดร.เศรษฐวัฒน์ โชควรกุล
dr.settawat2019@gmail.com
Open Journal Systems
<p><strong> </strong><strong>วารสารชัยพฤกษ์ภิรมย์</strong><strong> Jayaphruekpirom </strong><strong>ISSN 2985-217X (Online) </strong>ตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานทางวิชาการทางด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ซึ่งมีขอบเขตสาขาวิชาทางด้านสังคมศาสตร์ทั่วไป (General Social Sciences) ศิลปะทั่วไปและมนุษยศาสตร์ (General Arts and Humanities) รัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ (Political Science and Public Administration) ภาษาและวรรณกรรม (Language and Literature) และการศึกษา (Education) และหรือที่เกี่ยวข้องกับมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์นี้ เป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์สำหรับคณาจารย์ ผู้ทรงคุณวุฒิ นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา และนักวิชาการ ทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย พัฒนาและส่งเสริมให้เกิดผลงานทางวิชาการอย่างต่อเนื่อง และสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานได้จริงอันก่อเกิดประโยชน์แก่สังคมโดยรวม</p> <p> </p> <p> <strong>วารสารชัยพฤกษ์ภิรมย์ รับพิจารณาตีพิมพ์บทความภาษาไทย และบทความภาษาอังกฤษ (สำหรับต้นฉบับบทความที่ผ่านการตรวจสอบความถูกต้องของรูปแบบการพิมพ์เบื้องต้นจากกองบรรณาธิการ ตั้งแต่วันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๖๘ เป็นต้นไป)<em> </em></strong></p> <p> </p> <p><strong> วารสารชัยพฤกษ์ภิรมย์ มีคุณสมบัติตรงตามเอกสารแนบท้ายประกาศ ก.พ.อ. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ พ.ศ.๒๕๖๔ ที่สามารถใช้เป็นวารสารในการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ ซึ่งตรงตามข้อที่ ๗. คำจำกัดความ รูปแบบ การเผยแพร่ และลักษณะคุณภาพของผลงานทางวิชาการ</strong></p> <p> </p> <p><strong> วารสารชัยพฤกษ์ภิรมย์ มีคุณสมบัติตรงตามหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่สามารถใช้เป็นวารสารในการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ ซึ่งตรงตามหมวด ๔ หลักเกณฑ์และวิธีการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู เลื่อนเป็นวิทยฐานะครูเชี่ยวชาญและวิทยฐานะครูเชี่ยวชาญพิเศษ (หนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ.๐๒๐๖.๓/ว ๙ ลงวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๔)</strong></p> <p> </p> <p><strong> วารสารชัยพฤกษ์ภิรมย์ มีคุณสมบัติตรงตามหลักเกณฑ์ เรื่อง มาตรฐานทั่วไปเกี่ยวกับการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการหรือพนักงานครูและบุคลากรทางการศึกษา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ๓) พ.ศ.๒๕๖๘ ที่สามารถใช้เป็นวารสารในการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ ตามข้อที่ ๗. ด้านที่ ๓ ด้านผลงานทางวิชาการ สำหรับการขอเลื่อนวิทยฐานะครูเชี่ยวชาญและวิทยฐานะครูเชี่ยวชาญพิเศษ</strong></p> <p> </p> <p><strong> การพิจารณาบทความ<br /></strong></p> <p> ๑. บทความที่ตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารชัยพฤกษ์ภิรมย์ต้องเป็นบทความใหม่ที่อยู่ในขอบเขตสาขาวิชาทางด้านสังคมศาสตร์ทั่วไป (General Social Sciences) ศิลปะทั่วไปและมนุษยศาสตร์ (General Arts and Humanities) รัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ (Political Science and Public Administration) ภาษาและวรรณกรรม (Language and Literature) และการศึกษา (Education) และหรือที่เกี่ยวข้องกับมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์นี้ </p> <p> ๒. บทความต้องไม่เคยตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารอื่นใดมาก่อน และไม่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของวารสารอื่น ๆ</p> <p> ๓. บทความต้องผ่านการพิจารณาและประเมินคุณภาพโดยผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer review) ที่มีความเชื่ยวชาญทางด้านสาขานั้นหรือสาขาที่เกี่ยวข้อง จากทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา อย่างน้อย ๓ คน ซึ่งผู้พิจารณาไม่ทราบชื่อผู้แต่ง และผู้แต่งไม่ทราบชื่อผู้พิจารณา (Double-blind peer review)</p> <p> ๔. บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นข้อคิดของผู้เขียนเท่านั้น และผู้เขียนจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อผลทางกฎหมายใด ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นจากบทความนั้น</p> <p> ๕. บทความที่ตีพิมพ์ มี ๓ ประเภท ดังนี้</p> <p> ๕.๑ บทความวิจัย (Research Article) เป็นบทความที่มีการนำเสนอผลการศึกษา หรือการค้นคว้าอย่างมีระบบ ประกอบด้วยวัตถุประสงค์ของการวิจัย กรอบแนวคิดในการวิจัย วิธีดำเนินการวิจัย ผลการวิจัย อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ</p> <p> ๕.๒ บทความวิชาการ (Academic Article) เป็นบทความที่มีการนำเสนอความรู้ทั่วไปที่เขียนขึ้นจากการสังเคราะห์ พร้อมทั้งเสนอความคิดเห็นของผู้เขียนที่มีประโยชน์แก่ผู้อ่าน ประกอบด้วยบทนำ เนื้อหา และสรุป</p> <p> ๕.๓ บทความวิจารณ์ (Review Article) เป็นบทความที่วิจารณ์หนังสือและการนำเสนอความคิดเห็นของผู้เขียนที่มีประโยชน์แก่ผู้อ่าน ประกอบด้วยภาพปกหนังสือ ข้อมูลทางบรรณานุกรมของหนังสือ เนื้อหา และข้อเสนอแนะแนวทางการเลือกหนังสือ</p> <p> </p> <p> <strong>วารสารชัยพฤกษ์ภิรมย์ ได้กำหนดความซ้ำซ้อนของบทความ ด้วยโปรแกรม CopyCatch จากเว็บไซด์ Thaijo ดังนี้</strong></p> <div class="description"> <p> - สำหรับบทความวิจัย กำหนดความซ้ำซ้อนต้องไม่เกิน ๒๐%</p> <p> - สำหรับบทความวิชาการ กำหนดความซ้ำซ้อนต้องไม่เกิน ๒๐%</p> <p> - สำหรับบทความวิจารณ์ กำหนดความซ้ำซ้อนต้องไม่เกิน ๒๐%</p> <p> <strong>โดยมีผลสำหรับต้นฉบับบทความที่ผ่านการตรวจสอบความถูกต้องของรูปแบบการพิมพ์เบื้องต้นจากกองบรรณาธิการ ตั้งแต่วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๘ เป็นต้นไป)<em> </em></strong></p> <p><strong><em> </em>ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นมาตรฐาน กองบรรณาธิการวารสารชัยพฤกษ์ภิรมย์จะดำเนินการแจ้งผลความซ้ำซ้อนของบทความให้ผู้เขียนรับทราบ ภายหลังขั้นตอนการตรวจสอบความถูกต้องของรูปแบบการพิมพ์เบื้องต้นจากกองบรรณาธิการ</strong></p> <p> </p> </div> <p> <strong>ค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์เผยแพร่บทความในวารสารชัยพฤกษ์ภิรมย์</strong></p> <p> วารสารชัยพฤกษ์ภิรมย์ มีค่าธรรมเนียมการเผยแพร่บทความเฉพาะแบบปกติ ไม่มีค่าธรรมเนียมการเผยแพร่บทความแบบเร่งด่วน (Fast Track) <strong>โดยวารสารชัยพฤกษ์ภิรมย์ จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการเผยแพร่บทความ หลังจาก accepted บทความ (บทความได้รับการตรวจสอบจากผู้ทรงคุณวุฒิประจำวารสารฯ จำนวน ๓ คน ซึ่งผู้ทรงคุณวุฒิทั้ง ๓ คน มีความเห็นเป็นเอกฉันท์/ส่วนใหญ่ เห็นควรว่าบทความสามารถเผยแพร่ในวารสารชัยพฤกษ์ภิรมย์ได้ และกองบรรณาธิการฯ ยอมรับการเผยแพร่บทความแล้วเท่านั้น) </strong>ซึ่งผู้เขียนบทความกรุณาชำระค่าธรรมเนียมการเผยแพร่บทความ หลังจากได้รับการแจ้งการชำระเงินจากกองบรรณาธิการวารสารชัยพฤกษ์ภิรมย์ แล้วเท่านั้น ทั้งนี้กองบรรณาธิการชัยพฤกษ์ภิรมย์ จะดำเนินการออกใบเสร็จรับเงินให้แก่ผู้เขียนบทความ</p> <p> </p> <p><strong> กรณีบทความไม่ผ่านการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิประจำวารสารชัยพฤกษ์ภิรมย์ ทางกองบรรณาธิการวารสารชัยพฤกษ์ภิรมย์จะไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมใด ๆ จากผู้เขียน<br /></strong></p> <p> </p> <p> วารสารชัยพฤกษ์ภิรมย์ จะเริ่มเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการเผยแพร่บทความ <strong>(สำหรับต้นฉบับบทความที่ผ่านการตรวจสอบความถูกต้องของรูปแบบการพิมพ์เบื้องต้นจากกองบรรณาธิการ ตั้งแต่วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๘ เป็นต้นไป)<em> </em></strong> โดยมีรายละเอียดค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์ดังนี้</p> <p> <strong>- บทความของนักศึกษา อาจารย์ และเจ้าหน้าที่ ที่กำลังศึกษา/ปฏิบัติงาน ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา บทความละ ๓,๐๐๐ บาท (สามพันบาทถ้วน)</strong></p> <p> <strong>- บทความของนักศึกษา อาจารย์ เจ้าหน้าที่ และบุคคลทั่วไป ที่ไม่ได้กำลังศึกษา/ปฏิบัติงาน ในมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา บทความละ ๔,๐๐๐ บาท (สี่พันบาทถ้วน)</strong></p> <p> </p> <p> <strong> กำหนดการเผยแพร่วารสารชัยพฤกษ์ภิรมย์</strong></p> <p> ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๖๘ เป็นต้นไป วารสารชัยพฤกษ์ภิรมย์ มีกำหนดเผยแพร่ปีละ ๓ ฉบับ ได้แก่ </p> <p> <strong>ฉบับที่ ๑ ประจำเดือน มกราคม–เมษายน</strong></p> <p> <strong>ฉบับที่ ๒ ประจำเดือน พฤษภาคม-สิงหาคม</strong></p> <p> <strong>ฉบับที่ ๓ ประจำเดือน กันยายน-ธันวาคม</strong></p> <p> </p>
https://so16.tci-thaijo.org/index.php/JPPJ/article/view/1633
การบูรณาการวิธีการเรียนรู้แบบหลากหลายและเทคโนโลยีในการสอนภาษาอังกฤษเฉพาะทางสำหรับการบริการและการท่องเที่ยว: มุมมองการวิเคราะห์อภิมาน
2025-03-19T20:32:56+07:00
ธนเศรษฐ ชะวางกลาง
tns.cvk@gmail.com
กิติสุดา ปานกุล
kitisuda.pk@nrru.ac.th
เปรมกมล สถิตเดชกุญชร
premkamon.s@nrru.ac.th
ชญาวิน หนูพงษ์
chayawin.n@nrru.ac.th
พงษ์กธณ์ พงษ์ภากรณ์ศิริ
phongkot.p@nrru.ac.th
<p>การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบของการใช้วิธีการเรียนรู้แบบหลากหลายและเทคโนโลยีในการสอนภาษาอังกฤษเฉพาะทาง สำหรับการจัดการด้านการบริการและการท่องเที่ยว โดยการศึกษานี้ใช้วิธีวิเคราะห์อภิมาน เพื่อรวบรวมข้อมูลจากงานวิจัยที่เกี่ยวข้องซึ่งเผยแพร่ในวารสารที่ได้รับการตรวจสอบโดยผู้ทรงคุณวุฒิ การศึกษานี้เน้นการประเมินผลของเทคโนโลยี เช่น ความเป็นจริงเสมือน การเล่นเกมเพื่อการศึกษา แอปพลิเคชันมือถือ และแพลตฟอร์มออนไลน์ ในการเพิ่มการมีส่วนร่วม ความสามารถในการจดจำ และการพัฒนาทักษะทางภาษาอังกฤษในบริบทของการบริการและการท่องเที่ยว ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้เรียนผ่านการสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่มีความหลากหลายและสมจริง เช่น การจำลองสถานการณ์จริงในโรงแรมหรือสนามบิน นอกจากนี้ แอปพลิเคชันมือถือยังช่วยให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองได้อย่างยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังคงมีอยู่ เช่น ค่าใช้จ่ายในการจัดหาเทคโนโลยี การขาดแคลนบุคลากรที่มีความรู้ทางเทคนิค และการเข้าถึงของผู้เรียนในพื้นที่ทรัพยากรจำกัด การศึกษานี้มีข้อเสนอแนะสำหรับนักการศึกษาและผู้ฝึกอบรมในอุตสาหกรรมเกี่ยวกับวิธีการรวมวิธีการหลากหลายเข้ากับหลักสูตรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ภาษาอังกฤษเฉพาะทาง และเน้นความสำคัญของการจัดหาทรัพยากรที่จำเป็นเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้แบบหลากหลายในบริบทต่าง ๆ ผลการศึกษาชี้ให้เห็นถึงศักยภาพในการพัฒนาวิธีการสอนภาษาอังกฤษเฉพาะทางผ่านนวัตกรรมเหล่านี้ในอนาคต</p>
2025-08-11T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารชัยพฤกษ์ภิรมย์
https://so16.tci-thaijo.org/index.php/JPPJ/article/view/1796
The K-pop Music Industry Strategy for the Development of the T-pop Music Industry for Chinese audience: A case of GMM Grammy
2025-04-28T15:04:19+07:00
Zenghui Shen
szh981019@gmail.com
Suppakorn Disatapundhu
suppakorn.d@chula.ac.th
<p>This study examines the impact of K-pop's business model on T-pop's development, focusing on its growing fan base and cultural identity. While T-pop incorporates traditional Thai elements into modern pop music, it faces challenges in expanding its influence. This study will analyze these challenges and propose solutions through interviews with music industry experts and a questionnaire survey of Chinese students at Thai universities. By engaging experts and audiences, this study aims to understand market trends and the evolving relationship between producers and audiences.</p> <p>This study aims to develop a strategic business model for the Thai music market to guide T-pop's expansion to Chinese audiences. The study aims to identify T-pop's target Chinese demographic and analyze K-pop's key success factors to help T-pop attract Chinese youth in Thailand.</p>
2025-08-11T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารชัยพฤกษ์ภิรมย์
https://so16.tci-thaijo.org/index.php/JPPJ/article/view/1401
การสื่อสารผ่านสิ่งรบกวนจากการแต่งหน้าของตัวละครเอกในมิวสิควีดิโอเพลง “ริบบิ้นเลิฟคัลเลอร์แบล็ค”
2025-03-26T07:24:26+07:00
กฤษณ์ คำนนท์
web_webmaz@live.com
<p>การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาลักษณะปรสิตการสื่อสารจากการแต่งหน้าของตัวละครเอก และเพื่อศึกษาลักษณะการควบรวมการสื่อสารจากการแต่งหน้าของตัวละครเอกในมิวสิควีดิโอเพลง “ริบบิ้นเลิฟคัลเลอร์แบล็ค” ผลการศึกษาพบว่า การแต่งหน้าของตัวละครเอกในมิวสิควีดิโอเพลง “ริบบิ้นเลิฟคัลเลอร์แบล็ค” เป็นการสื่อสารผ่านสิ่งรบกวนของการสื่อสาร (Noise) ในลักษณะที่เรียกว่า “ปรสิตการสื่อสาร” (Paracommunication) พบ 2 ลักษณะ คือ 1. ตัวบทขึ้นกับสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวบท (Peritext) คือ การใช้โครงสร้างของการแต่งหน้าในลักษณะที่มากกว่าหรือน้อยกว่าสภาวะปกติ 2. ตัวบทที่ปรากฏอยู่รอบนอกตัวบท (Epitext) คือ การแต่งหน้ามีการเชื่อมโยงตัวบท (Intertextuality) ในลักษณะของการอ้างอิง (Quotation) คือ การแต่งหน้าของตัวละครเอกในมิวสิควีดิโอได้มีการอ้างอิงถึงตัวละครเอกจากภาพยนตร์เรื่อง “หอแต๋วแตก” โดยเป็นการทิ้งร่องรอย (Trace) ในลักษณะการแต่งหน้าของตัวละครเอกจากภาพยนตร์ มาสู่การแต่งหน้าตัวละครเอกในมิวสิควีดิโอเพลง</p> <p> ทั้งนี้ยังพบว่า การแต่งหน้าของตัวละครเอกในมิวสิควีดิโอเพลง “ริบบิ้นเลิฟคัลเลอร์แบล็ค” มีฐานะเป็น “ตัวบท” (Text) หรือ “ตัวสาร” (Message) ที่ถูกสร้างขึ้นจากการผสมรวมของเครื่องหมายต่างๆ/สัญญะ (Sign) จากองค์ประกอบพื้นฐานทางศิลปะร่วมกับโครงสร้างของการแต่งหน้าโดยมีบริบท (Context) คือ บริบทที่มาจากเพลง “ริบบิ้นเลิฟคัลเลอร์แบล็ค” โดยได้เกิดลักษณะที่เรียกว่า การซ้อนทับการสื่อความหมายของสื่อหลายประเภทที่ผสมรวมเข้าด้วยกันในการสร้างความหมาย หรือที่เรียกว่า การควบรวมทางการสื่อสาร (Convergence Communication) ดังนั้นใบหน้าและการแต่งหน้าของตัวละครเอกในมิวสิควีดิโอเพลง “ริบบิ้นเลิฟคัลเลอร์แบล็ค” จึงเป้นสิ่งที่ดำรงอยู่ร่วมกันตามรูปแบบ “ปฏิปักษ์สัมพันธ์” (Symbiosis) ในลักษณะที่เป็นความสัมพันธ์แบบพึ่งพา (Mutualisms) ซึ่งไม่สามารถแยกขาดออกจากกันได้ต้องอยู่ควบคู่กันไปเสมอ</p>
2025-08-11T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารชัยพฤกษ์ภิรมย์
https://so16.tci-thaijo.org/index.php/JPPJ/article/view/1735
การพัฒนาการจัดการเรียนรู้แบบ 2W3P ร่วมกับเทคนิคการเรียนรู้โดยใช้เกมเป็นฐานที่ส่งเสริมทักษะการอ่านคำและประโยคภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
2025-04-09T16:47:34+07:00
ณัฐธิดา ต้นโพธิ์
nattida509@gmail.com
<p><strong>บทคัดย่อ</strong></p> <p> การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อหาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้แบบ 2W3P ร่วมกับเทคนิคการเรียนรู้โดยใช้เกมเป็นฐานตามเกณฑ์มาตรฐาน 75/75 2) เพื่อหาดัชนีประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้แบบ 2W3P ร่วมกับเทคนิคการเรียนรู้โดยใช้เกมเป็นฐาน 3) เพื่อเปรียบเทียบทักษะการอ่านคำและประโยคภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบ 2W3P ร่วมกับเทคนิคการเรียนรู้โดยใช้เกมเป็นฐานระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/1 จำนวน 24 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ จำนวน 6 แผน 2) แบบทดสอบภาคปฏิบัติเป็นการอ่านออกเสียงคำศัพท์ จำนวน 12 ข้อ และ 3) แบบทดสอบการสะกดคำและบอกความหมายคำศัพท์ จำนวน 28 ข้อ สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานด้วย dependent samples t-test</p> <p> ผลการวิจัยปรากฏดังนี้ 1) แผนการจัดการเรียนรู้แบบ 2W3P ร่วมกับเทคนิคการเรียนรู้โดยใช้เกมเป็นฐานของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 80.66/79.38 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด 2) ดัชนีประสิทธิผลการจัดการเรียนรู้แบบ 2W3P ร่วมกับเทคนิคการเรียนรู้โดยใช้เกมเป็นฐานของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีค่าเท่ากับ 0.6514 แสดงว่านักเรียนมีความก้าวหน้าในการเรียนร้อยละ 65.14 3) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบ 2W3P ร่วมกับเทคนิคการเรียนรู้โดยใช้เกมเป็นฐานมีทักษะการอ่านคำและประโยคภาษาอังกฤษหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05</p> <p><strong>เพิ่มคำสำคัญ</strong><strong>: </strong>การจัดการเรียนรู้แบบ 2W3P เทคนิคการเรียนรู้โดยใช้เกมเป็นฐาน ทักษะการอ่านคำและประโยค ภาษาอังกฤษ</p>
2025-08-11T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารชัยพฤกษ์ภิรมย์
https://so16.tci-thaijo.org/index.php/JPPJ/article/view/1630
การประกอบสร้างวรรณกรรมเพลงของสัญญาลักษณ์ ดอนศรี
2025-03-30T11:28:00+07:00
วันวิสา ดีผิว
640112154038@bru.ac.th
สุชัญญา ละอองทอง
640112154045@bru.ac.th
พรนัชชา เศษวงษา
640112154030@bru.ac.th
บุณยเสนอ ตรีวิเศษ
bunsanoe.tw@bru.ac.th
<p class="s15"><span class="s14"><strong>บทคัดย่อ</strong><br />บทความวิจัยนี้วัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการประกอบสร้างวรรณกรรมเพลงของสัญญาลักษณ์ ดอนศรี ข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาคือบทเพลงที่ประพันธ์โดยสัญญาลักษณ์ ดอนศรี จำนวน </span><span class="s14">206</span><span class="s14"> เพลง โดยใช้กรอบแนวคิดการประกอบสร้างและกรอบแนวคิดการวิเคราะห์วิจารณ์วรรณกรรม ผลการวิจัยพบ การประกอบสร้างวรรณกรรมเพลงของสัญญาลักษณ์ ดอนศรี จำนวนเป็น 2 ประการ คือรูปแบบของวรรณกรรมเพลง และกลวิธีการสร้างสรรค์วรรณกรรมเพลง ในด้านรูปแบบพบการ</span><span class="s14">ประยุกต์</span><span class="s14">ใช้ฉันทลักษณ์ไทยดั้งเดิม ได้แก่ กลอนสุภาพ กาพย์ยานี กาพย์ฉบัง และพบรูปแบบที่เป็นลักษณะเฉพาะถิ่น</span><span class="s14">ของชาว</span><span class="s14">อีสานใต้ ได้แก่ การประยุกต์ท่วงทำนองของเพลงกันตรึม และท่วงทำนองเพลงโคราช ส่วนกลวิธีการสร้างสรรค์วรรณกรรมเพลง พบกลวิธีการสร้างสรรค์ 2 ด้าน คือ การประกอบสร้างด้านเนื้อหา ได้แก่ </span><span class="s14">ด้าน</span><span class="s14">ความรัก </span><span class="s14">ด้าน</span><span class="s14">สะท้อนสังคมและเสียดสีสังคม </span><span class="s14">ด้าน</span><span class="s14">ศิลปวัฒนธรรม</span><span class="s14">และด้านการ</span><span class="s14">ให้ความหวังและกำลังใจ และ และการประกอบสร้างด้านภาษา ได้แก่ การใช้คำ การใช้ถ้อยคำ และการใช้ภาพพจน์</span></p>
2025-08-11T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารชัยพฤกษ์ภิรมย์
https://so16.tci-thaijo.org/index.php/JPPJ/article/view/1885
ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการพื้นที่จอดรถบรรทุกบริเวณท่าเรือแหลมฉบัง
2025-05-10T13:31:36+07:00
จีราดา อนุชิตนานนท์
jeerada@go.buu.ac.th
นิภาพรรณ อนันต์พลศักดิ์
nipapan@go.buu.ac.th
เกรียงศักดิ์ วณิชชากรพงศ์
kriangsv@buu.ac.th
นิธินันท์ อารยะพรศิลป์
benjamad42kk@gmail.com
<p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดบริการ (Service Marketing Mix หรือ 7P’s) ที่มีอิทธิพลต่อกระบวนการตัดสินใจใช้บริการลานจอดรถของผู้ปฏิบัติหน้าที่ขับรถขนส่งสินค้าในเขตพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง โดยใช้วิธีการวิจัยเชิงปริมาณผ่านแบบสอบถาม กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยผู้ขับรถบรรทุกจำนวน 400 ราย วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและสถิติเชิงอนุมาน เพื่อวิเคราะห์ความแตกต่างและความสัมพันธ์</p> <p> ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศชาย (ร้อยละ 96) มีช่วงอายุระหว่าง 25–35 ปี และปฏิบัติหน้าที่ขับรถขนส่งสินค้าในลักษณะพักคอยที่ลานจอดรถ (ร้อยละ 92) ปัจจัยด้านสถานที่ตั้งได้รับคะแนนเฉลี่ยสูงที่สุด ( = 4.19) ในขณะที่ด้านการส่งเสริมการขาย มีคะแนนเฉลี่ยต่ำที่สุด ( = 2.74) สำหรับการทดสอบความสัมพันธ์ พบว่า ปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์ บุคลากร, กระบวนการ และสภาพแวดล้อมทางกายภาพ มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติกับหลายขั้นตอนของกระบวนการตัดสินใจ (Sig < 0.05) โดยเฉพาะในขั้นการประเมินทางเลือกและภายหลังการใช้บริการ ผลการวิจัยชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาองค์ประกอบด้านบริการที่ตอบสนองต่อความต้องการเชิงพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายเฉพาะทาง โดยเฉพาะพนักงานขับรถบรรทุกในกลุ่มเพศหญิงซึ่งมีสัดส่วนน้อยแต่มีความต้องการเฉพาะ เช่น ความปลอดภัยและพื้นที่บริการที่แยกจากผู้ใช้บริการทั่วไป ทั้งนี้ ข้อมูลเชิงประจักษ์ที่ได้สามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการกำหนดนโยบายหรือปรับปรุงการให้บริการของผู้ประกอบการลานจอดรถและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ</p>
2025-08-11T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารชัยพฤกษ์ภิรมย์
https://so16.tci-thaijo.org/index.php/JPPJ/article/view/1753
การศึกษาภาพสะท้อนทางสังคมจีนจาก《木兰辞》
2025-04-11T20:13:49+07:00
อรุณรัตน์ ศรีสุราช
arunrat.srisurash@gmail.com
กนกพร แจ้งสวัสดิ์
ammyjkkanokpon115@gmail.com
ภาณินี เพ็งสุข
ohm.pp19@gmail.com
<p>บทความวิจัยนี้เพื่อวิเคราะห์ภาพสะท้อนทางสังคม วิถีชีวิต วัฒนธรรมของชาวจีนผ่านบทกวีนิพนธ์มู่หลานหรือ《木兰辞》เป็นบทเพลงพื้นบ้านที่แต่งขึ้นในสมัยราชวงศ์เหนือ-ใต้และเป็นบทเพลงพื้นบ้านของชาวเซียนเปย ซึ่งการแสดงออกของมู่หลานในบทกวีนิพนธ์นี้ทำให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ผู้วิจัยใช้กระบวนการวิเคราะห์เอกสาร(Documentary Research) โดยวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพรรณนาความ (Descriptive Analysis) และอธิบายความ (Explanatory Analysis) ผลการวิจัยพบภาพสะท้อนทั้งหมด 5 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านการเมือง สะท้อนระบบการปกครองแบบรวมศูนย์และบทบาทของกษัตริย์ในการตัดสินใจ รวมถึงนโยบายที่ใช้ในการบริหารประเทศ 2) ด้านสังคม สะท้อนโครงสร้างชนชั้น 4 ระดับ 3) ด้านเศรษฐกิจ สะท้อนเศรษฐกิจที่ยังคงดำเนินไปได้แม้ในยุคสงคราม 4) ด้านวัฒนธรรม สะท้อนค่านิยมความกตัญญูและบทบาทของสตรีในสังคม 5) ด้านความเท่าเทียมระหว่างชายหญิง สะท้อนให้เห็นว่าสตรีก็สามารถทำภารกิจต่างๆได้เทียบเท่ากับบุรุษ ซึ่งขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวบุคคลนั้นๆ</p>
2025-08-11T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารชัยพฤกษ์ภิรมย์
https://so16.tci-thaijo.org/index.php/JPPJ/article/view/1431
ปริทัศน์ค่ายครูอาสาพัฒนาชนบท คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา การสร้างคุณลักษณะความเป็นครูผ่านกิจกรรมค่ายครูอาสา
2025-03-19T10:29:09+07:00
พงษ์เกษม สิงห์รุ่งเรือง
marnmaya@gmail.com
<p>กิจกรรมค่ายครูอาสาพัฒนาชนบทที่จัดโดยคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ถือเป็นกิจกรรมที่สำคัญในการพัฒนาคุณลักษณะความเป็นครูให้แก่บัณฑิตครู โดยมุ่งเน้นการพัฒนาทักษะด้านวิชาการและด้านวิชาชีพครู ได้แก่ การทำงานร่วมกับชุมชน การสร้างสัมพันธภาพระหว่างโรงเรียนและชุมชน การฝึกฝนคุณธรรมจริยธรรม และการมีจิตวิญญาณความเป็นครู นักศึกษาครูที่เข้าร่วมกิจกรรมจะได้รับประสบการณ์การทำงานจริง ซึ่งช่วยเสริมสร้างความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของครูในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ชนบทที่ห่างไกล</p> <p>กิจกรรมค่ายครูอาสาพัฒนาชนบทนี้ มีการดำเนินการอย่างมีระบบและเป็นขั้นตอน ตั้งแต่การวางแผน การดำเนินงาน การติดตามตรวจสอบ และการประเมินผล เพื่อให้การดำเนินกิจกรรมมีประสิทธิภาพและสามารถพัฒนาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังเป็นประโยชน์ทั้งต่อมหาวิทยาลัย คณะครุศาสตร์ และท้องถิ่น โดยการจัดกิจกรรมนี้ช่วยเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยและชุมชน ส่งผลให้เกิดการพัฒนาหลายด้าน ทั้งการศึกษาท้องถิ่น วัฒนธรรม และเศรษฐกิจ กิจกรรมค่ายครูอาสาพัฒนาชนบทจึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาคุณลักษณะของครูที่มีคุณภาพ พร้อมที่จะตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงของสังคม และมีบทบาทในการสร้างสรรค์สังคมให้เกิดความดีงามและร่มเย็น โดยการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมให้กับนักศึกษาครู เพื่อที่จะสามารถนำไปใช้กับการทำงานในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน</p>
2025-08-11T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารชัยพฤกษ์ภิรมย์
https://so16.tci-thaijo.org/index.php/JPPJ/article/view/1551
การประยุกต์ใช้หลักพุทธธรรมเพื่อการลดปัญหาการหย่าร้าง
2025-03-19T10:34:48+07:00
สายยนต์ ชาวอุบล
koonnapa2528@gmail.com
<p style="margin: 0cm; text-align: justify; text-justify: inter-cluster; text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: 'TH SarabunPSK',sans-serif;">บทความนี้มีวัตถุประสงค์ในการศึกษาสาเหตุและผลกระทบของการหย่าร้างในประเทศไทย พร้อมนำเสนอแนวทางการประยุกต์ใช้หลักพุทธธรรมเพื่อลดปัญหาการหย่าร้าง โดยมุ่งเน้นการสำรวจข้อมูลทางสถิติการหย่าร้าง วิเคราะห์สาเหตุและผลกระทบจากงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง และศึกษาหลักพุทธธรรมที่เกี่ยวข้องพรรณนาเชิงสัมพันธ์กับปัญหานำมาสรุป ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การหย่าร้าง ได้แก่ ปัญหาการสื่อสาร ปัญหาการนอกใจ และปัญหาทางเศรษฐกิจ การหย่าร้างส่งผลกระทบต่อบุคคลและสังคมในหลายด้าน ทั้งด้านจิตใจ เศรษฐกิจ และการพัฒนาเด็ก ในการประยุกต์ใช้หลักพุทธธรรมเพื่อการลดปัญหามี </span><span style="font-family: 'TH SarabunPSK',sans-serif;">3 <span lang="TH">ขั้นตอน ได้แก่ </span>1) <span lang="TH">การวางแผนการสมรสผ่านหลักทิศธรรม </span>6 <span lang="TH">และสมชีวิตธรรม </span>4 2) <span lang="TH">การดำเนินชีวิตคู่โดยยึดหลักฆราวาสธรรม </span>4 <span lang="TH">และ </span>3) <span lang="TH">การรักษาความรักด้วยสังคหวัตถุธรรม </span>4 <span lang="TH">ซึ่งช่วยส่งเสริมความเข้าใจและลดปัญหาความขัดแย้งในชีวิตคู่</span></span></p> <p style="margin: 0cm; text-align: justify; text-justify: inter-cluster; text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: 'TH SarabunPSK',sans-serif;">การแก้ปัญหาการหย่าร้างตามสาเหตของการยหย่าร้าง ควรเริ่มจากสื่อสารด้วยถ้อยคำดี (ปิยวาจา)</span><span style="font-family: 'TH SarabunPSK',sans-serif;">, <span lang="TH">ร่วมมือและเสียสละกัน (จาคะ)</span>, <span lang="TH">ซื่อสัตย์และพอใจในคู่ครอง (สัจจะ)</span>, <span lang="TH">ปรับตัวตามสังคมที่เปลี่ยนไป (ทมะ)</span>, <span lang="TH">เลือกคู่ที่เข้าใจกันและเรียนรู้ร่วมกัน (ปัญญาสัมปทา, ทมะ)</span>, <span lang="TH">หลีกเลี่ยงอบายมุขและอดทนต่อกัน (ขันติ)</span>, <span lang="TH">รับผิดชอบในการเลี้ยงดูบุตร (จาคะ)</span>, <span lang="TH">และใช้เทคโนโลยีอย่างรู้เท่าทัน (ทมะ) การประยุกต์ใช้หลักธรรมเหล่านี้ในการดำเนินชีวิตคู่จะช่วยลดปัญหาการหย่าร้างและเสริมสร้างความมั่นคงในความสัมพันธ์ระหว่างคู่สมรส </span></span></p>
2025-08-11T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารชัยพฤกษ์ภิรมย์
https://so16.tci-thaijo.org/index.php/JPPJ/article/view/1287
การศึกษาเปรียบเทียบตัวสะกด และวรรณยุกต์ในภาษาไทจ้วงและปูอี้
2025-01-03T15:55:39+07:00
วรเดช มีแสงรุทรกุล
waradet.m@nrru.ac.th
<p>ภาษาที่ใช้อักษรไทโรมันที่สำคัญในประเทศจีนคือ ภาษาปู้อี และภาษาจ้วงสมัยใหม่ ความใกล้ชิดของภาษาและวัฒนธรรมจ้วงและปู้อี ที่อยู่ในกลุ่มภาษาไทที่ใช้อักษรโรมันเหมือนกันจึงสามารถศึกษาเปรียบเทียบหน่วยเสียง สระ พยัญชนะ และวรรณยุกต์ แสดงให้เห็นว่า สระไม่มีตัวสะกดสามารถเทียบกับแม่ ก กา และมีตัวพินอินของภาษาจีนเทียบได้ ส่วนสระมีเสียงท้ายตามด้วยตัวสะกดภาษาจ้วงและปู้อี มี 1) แม่เกย 2) แม่เกอว 3) แม่กน 4) แม่กง 5) แม่กม 6) แม่กบ 7) แม่กด 8) แม่กก เทียบได้กับมาตราตัวสะกดทั้ง 8 รวมทั้ง แม่ ก กา โดยภาษาจ้วงใช้ t (ท) ส่วนปู้อีใช้ d (ต) เป็นตัวสะกดแม่กด</p> <p>เสียงวรรณยุกภาษาจ้วงและปู้อีใกล้เคียงกัน แต่มีบางเสียงไม่เหมือนกันคือ เสียงที่ 2 ส่วนเสียงที่ 4 แม้ว่าจะมีระดับเสียงต่างกัน แต่ถือได้ว่าเป็นเสียงย่อยของเสียงเอก ซึ่งทั้งสองเสียงเป็นเสียงที่มีอยู่ในภาษาไทยเช่นกัน และภาษาปู้อีมีเสียงวรรณยุกต์ 8 เสียง โดยเสียงที่ 7 ซ้ำกับเสียงที่ 3 และเสียงที่ 8 ซึ่งกับเสียงที่ 6 เหมือนว่า 7 (3) และ 8 (6) ของภาษาปู้อี คือ 8 (3) และ 9 (6) ที่อาจจะได้อิทธิพลจากภาษาจีนกวางตุ้งมากกว่าภาษาจีนกลาง</p>
2025-08-11T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารชัยพฤกษ์ภิรมย์